xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนKFFIX6M109 ผลตอบแทน 2.55%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M109(KFFIX6M109) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (Asia) (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.55% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”

“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M109 (KFFIX6M109) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับ นักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อคผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”

สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐปรับขึ้นร้อยละ 0.00 – 0.10 ทางด้านธนาคารกลางยุโรปได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ร้อยละ 0.05 จากร้อยละ 0.15 และลดดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ร้อยละ -0.2 และยังได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงสู่ขยายตัวร้อยละ 0.9 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ1.0 และปรับลดคาดการณ์ของปีหน้าลงสู่ขยายตัวร้อยละ 1.6 จากเดิมคาดว่าจะโตร้อยละ 1.หลังจีดีพีไตรมาส 2/57 โตต่ำกว่าที่คาด และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัญหารัสเซีย

“อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับขึ้นร้อยละ 0.1 – 0.06 ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลงร้อยละ 0.08 จากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของราคาพลังงานและอาหาร ซึ่งเป็นผลจากมาตรการควบคุมราคาของรัฐบาลและสภาพอากาศมีความเหมาะสม ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งตัวขึ้นสู่ร้อยละ 1.83 จากร้อยละ 1.81 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอุปสงค์ภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น” นายฉัตรพี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น