บลจ.เอ็มเอฟซีตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิปี 2558 เติบโต 438,000 ล้านบาท พร้อมโชว์ผลงานปี 2557 เข้าเป้าเติบโตกว่า 24.7% ปิดยอด AUM ที่ 333,905 ล้านบาท มั่นใจกลยุทธ์ขยายสาขาไปต่างหวัดและออกโปรดักต์ตรงจุดช่วยเพิ่มลูกค้า พร้อมมองตลาดหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,716 จุด
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2557 บลจ.มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM ) อยู่ที่ 416,633 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2556 กว่า 24.7% ซึ่งมี AUM อยู่ที่ 333,905 ล้านบาท ทั้งนี้ หากแบ่งเป็นรายธุรกิจจะพบว่าปี 2557 ธุรกิจกองทุนรวมมี AUM อยู่ที่ 235,520 ล้านบาท เติบโตขึ้น 19%เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ 197,407 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพปี 2557 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 142,247 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 102,152 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นจากฐานลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ออกไปให้บริษัทอื่นดูแลกลับเข้ามาให้ บลจ.เอ็มเอฟซีบริหารกองทุนต่อประมาณ 2-3 รายทำให้ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีการเติบโตขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลในปี 2557 มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 38,866 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อนหน้าที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 34,346 ล้านบาท
สำหรับในปี 2558 นี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 438,000 ล้านบาท หรือ 5% และรักษาระดับรายได้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักคือ การขยายสาขาไปต่างจังหวัดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า สร้างรายได้ และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เอ็มเอฟซี อีกทั้งการหา Strategic Partners เพื่อพัฒนาธุรกิจ พัฒนากองทุนรูปแบบใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน การสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน เพื่อให้เกิดความสะดวกและเป็นที่ประทับใจแก่ลูกค้า
“ปี 2557 บริษัทมีรายได้ 903 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 219 ล้านบาท ส่วนปี 2558 ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) เป็น 438,000 ล้านบาท เน้นกลยุทธ์หลักเรื่องการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มฐานลูกค้า สร้างรายได้ และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เอ็มเอฟซี” นางสาวประภากล่าว
ด้านนายชาคริต พืชพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายบริหารกองทุน บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า ปีนี้หุ้นไทยมีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีบวกตลอด 2 ปีที่แล้วแม้ว่าจะมีปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามา สำหรับภาพรวมหุ้นไทยในปีนี้เรามองว่าความท้าทายอยู่ที่ภาพรวมภายในประเทศเป็นหลัก รวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดกลางปีนี้ โดยเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เรามองไว้ในปีนี้อยู่ที่ 1,716 จุด
นางพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า สำหรับการซื้อหุ้นบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จากบริษัทบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 15.2% หรือคิดเป็นเงิน 31,600 ล้านบาทของกองทุนวายุภักษ์นั้น ไม่น่าจะกระทบอะไรมาก และกองทุนดังกล่าวลงทุนในหุ้น SET 50 เป็นหลัก
