xs
xsm
sm
md
lg

หนุนกองทุนเพิ่มพอร์ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลื้ม มาตรการสกัดหุ้นร้อนได้ผล ฟุ้งยังไม่มีหลักทรัพย์ตัวใดต้องใช้เกณฑ์ Cash Balance ครั้งที่ 3 เล็งเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเป็น 50:50 หวังลดความผันผวนของดัชนีระยะยาว รวมถึงสนับสนุนให้ บลจ. ออกกองทุนรวมหุ้น เพราะจากสถิติพบกองทุนรวมหุ้นจะมีผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนรวมประเภทอื่นเสมอ ด้านนักวิเคราะห์เตือนดัชนีเดือนกุมภาพันธ์ยังคงผันผวน เพราะรับข่าวดีไปหมดแล้ว แนะนำให้นักลงทุนเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนน่าสนใจ เช่น การลงทุนภาครัฐฯ หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว และหุ้นปันผลเด่น
นายปริญ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ บล.เคจีไอ คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีเดือนกุมภาพันธ์ จะยังคงแกว่งตัวในกรอบจำกัด. เนื่องจากตลาดการเงินได้รับรู้ปัจจัยบวกหลักๆ ภายนอกประเทศเ ช่น การประกาศเพิ่มวงเงินอัดฉีดสภาพคล่องผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ มาตรการ QE ของยุโรป รวมทั้งสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ว่าจะตรึงดอกเบี้ยใกล้ 0% ไปจนถึงกลางปี 2558 อย่างแน่นอน
“แม้ว่าตลอดเดือนมกราคมต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่จากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินส่งผลให้สภาพคล่องไหลเข้าตลาดหุ้น ทำให้มูลค่าหุ้นค่อนข้างตึงตัว โดยฝ่ายวิเคราะห์วัดผ่าน PE band ที่สูงประมาณ 18 เท่า น่าจะส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของดัชนีฯ มีค่อนข้างน้อย” นายปริญ กล่าว
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ แนะนำให้นักลงทุนเน้นหุ้นขนาดกลาง เน้นหุ้นที่มีประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ อาทิ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ทั้งโครงการรถไฟรางคู่ รวมทั้งแผนการลงทุนในแถบประเทศ AEC แนะนำซื้อเก็งกำไร CK* และ ITD* หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกที่มีแนวโน้มการเติบโตในระดับสูง เช่น DEMCO* และ IFEC* และ หุ้นที่มีเสี่ยงต่ำขระที่ได้เงินปันผลตอบแทนอยู่ในระดับสูงเช่น ASK และ TMT รวมถึงหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการน่าจะพลิกฟื้นจากที่ขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา กลับมาเป็นกำไรในช่วงไตรมาส 4/2557 และในปี 2558 เช่น AAV*, ERW* และ TRUE*
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ปีนี้ ตลท.ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ (ไม่รวมพอร์ตโบรกเกอร์) เป็น 9-10% จากปีก่อนที่ 8.7% โดยมีแผนจะสนับสนุนและผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. ออกกองทุนรวมหุ้น หรือ Equity Fund ให้มากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้หลากหลายต่อนักลงทุนนอกเหนือไปจาก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ RMF ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมากองทุนรวมหุ้นจะมีผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนรวมประเภทอื่นเสมอ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า สัดส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2557 ปรากฏว่า นักลงทุนรายบุคลล มีสัดส่วนมากที่สุดราว 60% รองลงมาคือนักลงทุนต่างชาติ 20% และที่เหลือเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์
"เรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนบุคคลและสถาบันให้เป็น 50:50 ในปี 2562 เพื่อเพิ่มสมดุลและเสถียรภาพของตลาดหุ้นไทย ซึ่งการผลักดันกลุ่มสถาบันในประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะช่วงที่ผ่านมาถือว่าเข้ามามีบทบาทกับปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมาก และลดความผันผวนในยามที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติมีปัญหา และกระทบต่อการไหลเข้า-ออก" นางเกศรา กล่าว
ขณะที่นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกำกับตลาดและดูแลสายงานกฏหมาย ตลท.สรุปผลการใช้มาตรการสกัดหุ้นร้อน ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.58 ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากสามารถทำให้การหมุนรอบของการเก็งกำไรหุ้นที่เกิดความเคลื่อนไหวของราคาผิดปกติลดลง ขณะที่ไม่ได้เกิดผลกระทบในแง่ลบต่อดัชนีหรือปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยอวันของตลาดหุ้นไทยอย่างที่มีผู้กังวลกันก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตลท.พบว่าตั้งแต่เริ่มใช้มาตรการจนถึงปัจจุบันการหมุนรอบของการเก็งกำไรของหุ้นร้อนลดลงเหลือเฉลี่ยต่ำกว่า 1% จากไตรมาส 4/57 อยู่ที่ 2-3% ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในเดือน ม.ค.58 เพิ่มขึ้นเป็น 5.2-5.3 หมื่นล้านบาท และดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index)ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 4-5% ทำให้มั่นใจได้ว่าการใช้มาตรการดังกล่าวมีผลในเชิงบวกมากกว่าผลกระทบเชิงลบ
"เรามีการ review มาตราการนี้มาก่อนประกาศใช้ เรามีการพูดคุยกับโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจก่อนออกประกาศ และจนถึงวันนี้เราก็เห็นการ Turnover โดยเฉลี่ยลดลงจากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แต่ปริมาณการซื้อขายและ index เพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่ายังไม่มีผลเสียต่อตลาด จริงๆ แล้วถ้าตลาดมีการเก็งกำไรที่สูงเกิดขึ้นจะทำไห้คนไม่กล้าลงทุนในระยะยาว"นายสุกิจ กล่าว
ปัจจุบัน ยังไม่มีหุ้นตัวใดใช้เกณฑ์ Cash Balance ครั้งที่ 3 โดยขณะนี้มีเพียงหุ้น KC ที่ถูกสั่งให้ใช้เกณฑ์ Cash Balance ครั้งที่ 2 เท่านั้น ส่วนหุ้น BAY แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีราคาและ Market Cap เพิ่มขึ้น ซึ่งมีน้ำหนักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างมีนัยสำคัญนั้น ทางตลท.ยืนยันว่าได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับหุ้นตัวอื่นทุกตัว และไม่มีการเลือกปฏิบัติจนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งในกรณีของหุ้น BAY ยังไม่ครบเงื่อนไขที่จะต้องใช้เกณฑ์ Cash Balance แม้ว่าราคาเคลื่อนไหวของราคาและมูลค่าการซื้อขายไม่เป็นปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น