ตลท. ปลื้มใช้มาตรการสกัดหุ้นร้อนได้ผล เผยช่วยลดหมุนรอบเก็งกำไร และยังทำให้วอลุ่มสูงขึ้น ไม่ได้เกิดผลกระทบในแง่ลบต่อดัชนีหรือปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อย่างที่มีผู้กังวลกันก่อนหน้านี้ ยันกรณีหุ้น BAY พุ่งร้อนแรงจนมีผลต่อดัชนีฯ ตลท. ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับหุ้นตัวอื่นทุกตัว และไม่มีการเลือกปฏิบัติจนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกำกับตลาดและดูแลสายงานกฎหมาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า มาตรการที่ ตลท.นำมาใช้สกัดหุ้นร้อนตั้งแต่ 5 ม.ค.58 ทำให้การหมุนรอบของการเก็งกำไรหุ้นที่เกิดความเคลื่อนไหวของราคาผิดปกติลดลง ขณะที่ไม่ได้เกิดผลกระทบในแง่ลบต่อดัชนีหรือปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้นไทยอย่างที่มีผู้กังวลกันก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตลท.พบว่า ตั้งแต่เริ่มใช้มาตรการจนถึงปัจจุบันการหมุนรอบของการเก็งกำไรของหุ้นร้อนลดลงเหลือเฉลี่ยต่ำกว่า 1% จากไตรมาส 4/57 อยู่ที่ 2-3% ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในเดือน ม.ค.58 เพิ่มขึ้นเป็น 5.2-5.3 หมื่นล้านบาท และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 4-5% ทำให้มั่นใจได้ว่าการใช้มาตรการดังกล่าวมีผลในเชิงบวกมากกว่าผลกระทบเชิงลบ
“เรามีการ review มาตราการนี้มาก่อนประกาศใช้ เรามีการพูดคุยกับโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจก่อนออกประกาศ และจนถึงวันนี้เราก็เห็นการ Turnover โดยเฉลี่ยลดลงจากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แต่ปริมาณการซื้อขายและ index เพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่ายังไม่มีผลเสียต่อตลาด จริงๆ แล้วถ้าตลาดมีการเก็งกำไรที่สูงเกิดขึ้นจะทำไห้คนไม่กล้าลงทุนในระยะยาว” นายสุกิจ กล่าว
ปัจจุบัน ยังไม่มีหุ้นตัวใดใช้เกณฑ์ Cash Balance ครั้งที่ 3 ขณะนี้มีเพียงหุ้น KC ที่ถูกสั่งให้ใช้เกณฑ์ Cash Balance ครั้งที่ 2 เท่านั้น ส่วนหุ้น BAY แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีราคาและ Market Cap เพิ่มขึ้น ซึ่งมีน้ำหนักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างมีนัยสำคัญนั้น ทาง ตลท.ยืนยันว่าได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับหุ้นตัวอื่นทุกตัว และไม่มีการเลือกปฏิบัติจนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งในกรณีของหุ้น BAY ยังไม่ครบเงื่อนไขที่จะต้องใช้เกณฑ์ Cash Balance โดยราคาเคลื่อนไหวของราคาและมูลค่าการซื้อขายเป็นปกติ
“ยอมรับว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้น BAY มี Impact และมีน้ำหนักเยอะต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างมาก แต่เราก็มีการตรวจสอบความผิดปกติอยู่ตลอด เราใช้มาตรฐานเดียวกันกับหุ้นตัวและไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งทั่วไปแล้วหุ้นใหญ่จะเข้าเกณฑ์ฯ ได้ง่ายกว่าหุ้นขนาดเล็ก โดยหุ้น BAY ที่ยังไม่เข้าเกณฑ์ เพราะราคาติดมูลค่าติด แต่ในด้าน Turn over ไม่ติด” นายสุกิจ กล่าวย้ำทิ้งท้าย