ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย ตั้งเป้าเตรียมเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศให้ได้ไม่น้อยกว่า 50% ภายในปี 2560 พร้อมดัน บลจ.ออกกองทุนรวมหุ้น ให้เพิ่มมากขึ้น ช่วยกระจายความเสี่ยงนักลงทุน และเพิ่มทางเลือกการลงทุนในระยะสั้น นอกเหนือจาก LTF/RMF ที่มีอยู่เดิม
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ วางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มสัดส่วนปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ (ไม่รวมพอร์ตโบรกเกอร์) จากเดิมที่ 8.7% ในปีก่อนหน้า เป็นไม่น้อยกว่า 9-10% ในปีนี้ ซึ่งจะสามารถช่วยให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. มีการออกกองทุนรวมหุ้น (Equity Fund) ให้มากขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนรายใหม่ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะได้ไม่ต้องแบกรับหรือบริหารความเสี่ยงด้วยตนเอง โดยจะเป็นการเพิ่มทางเลือกมากขึ้นนอกเหนือไปจาก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ RMF ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมากองทุนรวมหุ้นจะมีผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนรวมประเภทอื่นๆ
“ตลท.ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนบุคคลและสถาบันให้เป็น 50/50 ภายในปี 2562 เพื่อเพิ่มศักยภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้มีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าในปัจจุบันนี้เพราะที่ผ่านมา ตลาดมีความผันผวนอย่างมากจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจจากต่างประเทศทั้งในยุโรปและอเมริกา ซึ่งการพึ่งพิงเงินลงทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก จะเป็นความเสี่ยงต่อนักลงทุนและบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเมื่อมีการผันผวนของเงินทุนที่ไหลเข้า-ออกของประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นนักลงทุนรายบุคคลมากที่สุดกว่า 60% นักลงทุนต่างประเทศ 20% และที่เหลือเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศ 10% และพอร์ตการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ 10%