เมืองไทยประกันชีวิตมั่นใจปีนี้โตอีก 18% กวาดเบี้ยรับรวมแตะ 8.5 หมื่นล้านบาท เชื่อแนวโน้มทั้งปีประกันชีวิตโตตามเศรษฐกิจ แถมคนไทยเริ่มใส่ใจสุขภาพ และการวางแผนอนาคตช่วยหนุน ย้ำกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลางพร้อมพัฒนาช่องทางการขายทุกด้าน เล็งเสริมแกร่งทัพตัวแทนอีกหมื่นคน ส่วนปีที่ผ่านมาสุดปลื้มเบี้ยรวมโตฝ่าเศรษฐกิจชะลอทะลุ 7.5 หมื่นล้านบาท
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้น่าจะเติบโตได้ประมาณ 3.8-3.9% ของการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจากการกระตุ้นของภาครัฐ รวมถึงภาพลักษณ์ของการประกันชีวิตที่เปลี่ยนไปส่งผลให้คนไทยหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันชีวิตมากขึ้น
โดยในปีนี้บริษัทคาว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตตามไปด้วย โดยตั้งเป้าเบี้ยรับรวมในปีนี้อยู่ที่ 85,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 18% จากปีที่ผ่านมา
“การเติบโตในปีนี้น่าจะมีปัจจัยบวกนอกจากเศรษฐกิจคือเรื่องสังคมสูงวัย และการใส่ใจต่อสุขภาพของคนไทยที่เติบโตขึ้น โดยปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการถือครองกรมธรรม์อยู่แค่ 37% ต่อจำนวนประชากร ซึ่งถือเเป็นอัตราที่ต่ำและยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก”นายสาระกล่าว
นายสาระกล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะยังคงสานต่อกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้วยการ “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” และการเข้าถึงลูกค้าในทุกช่องทางเพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งในปีนี้บริษัทจะให้การสนับสนุนช่องทางตัวแทน โดยการพัฒนาศักยภาพ สนับสนุนให้มีการแข่งขันคุณวุฒิ สู่การเป็นที่ปรึกษาด้านประกันชีวิตที่มีคุณภาพและการให้บริการแบบครบวงจร โดยในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนใหม่จำนวน 10,000 คน จากเดิม 26,000 คน ซึ่งจะทำให้ในสิ้นปีนี้จะมีตัวแทนรวมทั้งสิ้น 36,000 คน
ในส่วนของช่องทางขายผ่านธนาคาร ซึ่งเป็นช่องทางที่มีอัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญในด้านความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินต่างๆ ขณะที่ช่องทางขายตรง และช่องทางอื่นๆ บริษัทมีแผนเจาะลึกในการเข้าถึงลูกค้า โดยการวิเคราะห์และศึกษาความต้องการของลูกค้าเพื่อพัฒนาแบบประกันใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
ปี 57 เบี้ยรวมแตะ 7.5 หมื่นล้าน
นายสาระ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทถือว่าประสบความสำเร็จถึงแม้จะต้องเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยบริษัทมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 75,234 ล้านบาท เติบโต 25% โดยมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางตัวแทน 14% ช่องทางธนาคาร 29% ช่องทางขายตรง 23% และช่องทางอื่นๆ 25% ในส่วนของเบี้ยรับใหม่มีจำนวน 35,275 ล้านบาท เติบโต 28% และมีเบี้ยต่ออายุรวม 39,958 ล้านบาท เติบโต 22% ซึ่งทำให้ในปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิรวมกว่า 6,000 ล้านบาท
“ในปีที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจแม้จะผันผวนและมีปัจจัยแวดล้อมเข้ามากระทบค่อนข้างมาก แต่ธุรกิจประกันชีวิตก็ยังสามารถเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผู้บริโภคเข้าใจและเห็นประโยชน์ของประกันชีวิตมากขึ้น ทั้งในแง่การคุ้มครองชีวิต ออมเงิน และควบคู่กับการลงทุน รวมไปถึงการตื่นตัวด้านการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในเรื่องเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันอีกด้วย”นายสาระกล่าว