เผลอแป๊บเดียวก็จะสิ้นปี 2557 แล้ว หลายท่านที่ยังลังเลในการตัดสินใจสร้างความมั่งคั่ง เสริมความมั่นคงให้ชีวิต กับการรอจังหวะในการเข้าลงทุนในกองทุน RMF และ LTF สำหรับปีนี้ ว่าจะตัดสินใจตอนนี้เลย หรือรอลงทุนตอนสัปดาห์สุดท้ายของปีดี ก็ต้องขอเรียนว่าการลงทุนในกองทุน RMF และ LTF นั้นเป็นการลงทุนในระยะยาว ยิ่งประวิงเวลาไปมากเท่าไหร่ ระยะเวลาที่จะใช้เงินออมให้ไปทำงานให้เราก็จะน้อยลง ผลที่ตามมาคือการเติบโตของเงินลงทุนก็จะเติบโตน้อยลง
อย่างเช่นในปีนี้หากท่านใดตัดสินใจให้เงินทำงานตั้งแต่ต้นปี ในนโยบายที่ลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เงินลงทุนของท่านก็เติบโตไปแล้วประมาณ 20% ขณะที่ท่านที่เน้นความเสี่ยงต่ำด้วยการเลือกลงทุนในนโยบายตราสารหนี้ ก็จะทำให้เงินลงทุนท่านเติบโตประมาณ 2.5-4.5% ไปแล้ว ซึ่งดีกว่าการพักเงินลงทุนในเงินฝากเพื่อรอตัดสินใจลงทุนตอนสิ้นปี
โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ถ้าประมวลจากปัจจัยการลงทุนที่จะมากระทบกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในทางลบก็ดูจะน้อยกว่าทางบวก อีกทั้งภาพรวมในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะยาวแล้วยังคงมีทิศทางที่ดี ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านที่ตั้งใจจะลงทุนในกองทุน RMF ในปีนี้แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุน ให้ตัดสินใจลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นปี หากยังมีความกังวลใจเรื่องสภาวะในการลงทุนว่าตลาดฯ จะมีโอกาสแกว่งตัวลง ก็แนะนำให้ท่านกระจายการลงทุน เนื่องจากจุดเด่นของกองทุน RMF นั้น
นอกจากจะเป็นแหล่งเงินออมในยามเกษียณที่ดีมากแล้ว RMF ยังมีนโยบายการลงทุนให้ท่านเลือกลงทุนได้หลากหลาย ตามระดับความสามาถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคนไม่ได้มีเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ดังนั้นหากท่านกังวลใจก็แนะนำให้ท่านเลือกลงทุนในกองทุน RMF มากกว่า 1 กองทุน ในนโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน หรือเลือกลงทุนในกองทุน RMF แบบผสม เช่นกองทุน RMF 25/75 ที่มีนโยบายที่จะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 25% ส่วนที่เหลือก็จะลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ในกรณีของ LTF หากท่านที่มีแผนในใจว่าจะลงทุนใน LTF แล้ว แต่ยังคงมีความกังวลใจว่าหากทางรัฐบาลไม่ต่ออายุการลงทุนของ LTF ที่จะลงทุนได้ในปี 2559 เป็นปีสุดท้ายนั้น จะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงรุนแรง เกรงว่าเมื่อลงทุนในปี 2557 แล้วเงินที่ลงทุนจะสามารถขายคืนได้ในปี 2561 (นับ 5 ปีปฏิทิน) จะขาดทุน ก็ต้องขอเรียนว่าเมื่อท่านลงทุนใน LTF แล้วถือครองจนครบตามเงื่อนไขการลงทุนแล้ว ก็มิได้หมายความว่าต้องขายในทันที
ขณะที่สภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินการลงทุนของ LTF แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ขึ้นอยู่กับทิศทางเศรษฐกิจของไทย และผลการดำเนินงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นสำคัญ หากยังคงมีความกังวลใจอยู่ก็แนะนำให้ท่านเลือกลงทุนในกองทุน LTF ที่จำกัดเพดานการลงทุนในหุ้นไว้ เช่น กองทุน LTF 70/30 คือกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ส่วนที่เหลือก็จะลงทุนในเงินฝาก หรือตราสารหนี้ ความเสี่ยงก็จะลดลงตามสัดส่วนของการลงทุนในหุ้น
และที่สำคัญ ในกระบวนการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตท่านผ่านทั้งกองทุน RMF และLTF เป็นการสร้างวินัยการลงทุนผ่านการลงทุนในระยะยาวซึ่งจะได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน และยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษี ซึ่งผมแนะนำให้ผู้ลงทุนทุกท่านนำเงินที่ได้จากการลดหย่อนภาษีไปทำงานให้เราต่ออีกชั้นหนึ่ง ด้วยการต่อยอดการลงทุนในระยะยาว อย่าเอาภาษีที่ได้รับการลดหย่อนไปใช้จ่าย
แบบนี้นอกจากจะเป็นการต่อยอดความมั่นคงทางการเงินให้ชีวิตแล้ว ยังถือว่าเป็นเกราะกำบังสำหรับการลงทุนที่ดีอีกชั้นหนึ่งด้วย เช่นผู้ลงทุนที่มีฐานภาษี 15% ไปลงทุนที่เงิน 50,000 บาท ก็จะได้ประโยชน์ทางภาษีกลับมาประมาณ 7,500 บาท ให้นำเงินดังกล่าวไปลงทุนต่อในกองทุนที่มีนโยบายเสี่ยงต่ำหรือปานกลางเพื่อต่อยอดเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 50,000 บาทขึ้นไปอีก จะเห็นได้ว่าถ้าลงทุนธรรมดาก็จะได้พลังทำงานของเงินด้วยเงินเพียง 50,000 บาท แต่ถ้าลงทุนด้วย RMF และ LTF แล้ว เงินที่ทำงานให้เราจะสูงถึง 57,500 บาทเลยทีเดียว
สำหรับแผนการลงทุนใน RMF และ LTF ในปี 2558 ขอแนะนำทุกท่านให้เริ่มลงทุนในทันทีตั้งแต่ต้นปี โดยเฉลี่ยลงทุนเป็นรายเดือน ไม่ว่าจะตัดเงินลงทุนจากออมทรัพย์ หรือบัตรเครดิตก็ตาม ถือว่าเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนที่ดี และยังช่วยเฉลี่ยต้นทุนในการเข้าลงทุนด้วยครับ อยากเชิญทุกท่านมาสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ชีวิต ด้วยการใช้ RMF/LTF แบบถูกวิธี เพื่อความสุขในการลงทุน เริ่มเลยครับไม่ต้องรอ..
วิโรจน์ ตั้งเจริญ CFP
รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส
บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย