สวัสดีครับ ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี นักลงทุนหลายๆ ท่านคงหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนควบคู่ไปกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อใช้ในยามเกษียณ อย่างเช่น กองทุนรวม RMF/LTF เพื่อลงทุน ดังนั้นในสัปดาห์นี้ผมจึงขอเล่าถึงประเด็นสำคัญๆ ที่นักลงทุนควรต้องพิจารณาในการเลือกลงทุนสำหรับกองทุนฯ ดังกล่าวเพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำหรับการตัดสินใจเลือกลงทุน ได้แก่
1. นักลงทุนต้องพิจารณาดูผลตอบแทนจากการลงทุนของแต่ละกองทุน (Historical Return) ในระยะยาวช่วงที่ผ่านมาเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงระยะเวลาการลงทุน และโดยส่วนใหญ่การลงทุนในกองทุนรวม RMF/LTF เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้น นักลงทุนจึงควรพิจารณาจากผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 3-5 ปีย้อนหลังเป็นต้นไป
โดยต้องเปรียบเทียบกับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุนที่เหมือนกัน เช่น เปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนรวม RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นด้วยกัน หรือเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ด้วยกัน โดยไม่เทียบผลตอบแทนจากการลงทุนระหว่างกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นกับตราสารหนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วผลตอบแทนจากการลงทุนมักสอดคล้องไปกับตราสารที่ลงทุน เช่น การลงทุนในตราสารทุนก็จะมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้
2. การพิจารณาจากผลตอบแทนย้อนหลังเพียงลำพังยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เนื่องจากการลงทุนทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยงติดตามมาด้วย ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องให้ความสำคัญต่อการนำความเสี่ยงจากการลงทุนมาพิจารณาเป็นองค์ประกอบ เพราะเนื่องจากบางกองทุนอาจให้ผลตอบแทนที่สูงแต่เมื่อเทียบกับความเสี่ยงแล้วอาจมีความผันผวนที่มากได้ ซึ่งความเสี่ยงในที่นี้อาจหมายถึงความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยครอบคลุมทั้งผลตอบแทนที่สูงกว่าและต่ำกว่าก็ได้ ซึ่งการหาผลตอบแทนหลังปรับค่าความเสี่ยง (Risk-Adjusted Return) นี้ จะทำให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนได้เหมาะสมมากขึ้น
โดยวิธีการวัดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ตลาดนิยมหยิบมาใช้พิจารณากันตัวหนึ่ง ได้แก่ วิธีการวัดที่เรียกว่า Sharpe Ratio ซึ่งเป็นการนำอัตราผลตอบแทนกองทุนต่อปีหักด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยงและนำมาเทียบกับความเสี่ยงต่อปี ซึ่งหากค่า Sharpe Ratio ยิ่งสูง ก็จะยิ่งดี เนื่องจากสะท้อนถึงผลตอบแทนหลังปรับค่าความเสี่ยงที่สูง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ผู้สนใจสามารถสอบถามจาก บลจ.ได้
3. สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และนักลงทุนต้องให้ความใส่ใจ คือ การเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ ซึ่งหากเป็นกองทุนรวม LTF นั้น ส่วนใหญ่ด้วยนโยบายการลงทุนจะเน้นให้กองทุนลงทุนในตราสารทุนมากกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนอยู่แล้วและนักลงทุนต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน
ดังนั้น นักลงทุนต้องแน่ใจว่าตนเองยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้และมีความพร้อมที่จะลงทุนในระยะยาวไม่ต่ำกว่า 5 ปี ขณะที่หากเป็นการลงทุนในกองทุนรวม RMF จะมีนโยบายการลงทุนที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องสำรวจตนเองว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยเพียงไร ซึ่งหากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวม RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารตลาดเงิน หรือตราสารหนี้
ขณะที่หากนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้ก็อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวม RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น ซึ่งการลงทุนในกองทุนรวม RMF นักลงทุนสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ในช่วงที่ลงทุนเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมในช่วงนั้นๆ ได้ เช่น ในช่วงที่หุ้นขาขึ้น นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวม RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น และเมื่อหุ้นเริ่มปรับลดลง นักลงทุนอาจพิจารณาสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปในกองทุนรวม RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินหรือตราสารหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของหุ้น เป็นต้น รวมทั้งนักลงทุนต้องมีความพร้อมที่จะลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของกรมสรรพากร
ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาด อาจพิจารณาการลงทุนโดยใช้แบบ Dollar Average Cost หรือที่รู้จักกันในนาม “Auto Millionaire Program (AMP)” โดยการซื้อหน่วยลงทุนผ่านการตัดเงินจากบัญชีที่นักลงทุนแจ้งความประสงค์ในแต่ละรอบระยะเวลานักลงทุนกำหนดทุกเดือนเพื่อลงทุนตามที่นักลงทุนกำหนดไว้ในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน ซึ่งการลงทุนในลักษณะนี้มีโอกาสช่วยทำให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อหุ้นของนักลงทุนลดลงและสามารถช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของการลงทุนผิดจังหวะได้
โดยหากนักลงทุนสนใจการลงทุนเพิ่มเติม ในช่วงวันที่ 20-23 พ.ย. 57 บลจ.วรรณจะมีการบรรยายเกี่ยวกับมุมมองและการลงทุน โดยผมและคุณ Andrew Stotz (CEO of A.Stotz Investment Research) ในงาน SET in the city ชั้น 5 รอยัลพารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน ซึ่งนักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงวันและเวลาที่บรรยายได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และสนับสนุนธุรกิจ บลจ.วรรณ ที่เบอร์ 0-2659-8888 ต่อ 1 แล้วพบกันที่บูท บลจ.วรรณ นะครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com