บลจ.กสิกรไทยชี้การเมืองไทยยังไม่นิ่ง แนะกระจายพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก สร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย (บลจ.) จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตัวแปรสำคัญที่จะต้องจับตาคือประเด็นทางการเมืองว่าจะมีแนวโน้มอย่างไรต่อไป แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องการสิ้นสภาพของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางส่วนแล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ทางการเมืองโดยรวมยังไม่คลี่คลาย ปัจจัยดังกล่าวยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจในด้านต่างๆ เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การใช้จ่ายภาคเอกชน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของไทย ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายลงได้เร็ว เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังก็น่าจะมีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าในครึ่งปีแรก แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในเชิงลบเป็นลูกโซ่ได้
ด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศเอง แม้เศรษฐกิจในหลายภูมิภาคได้ส่งสัญญาณฟื้นตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาทิ ปัญหาความไม่สงบในยูเครนซึ่งส่งผลไปถึงแนวโน้มการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แม้สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เนื่องจากรัสเซียเองก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีที่จะหยุดการเข้าไปมีอิทธิพลในยูเครน นอกจากนี้ยังมีกรณีการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนคาดว่าน่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้ ประเด็นดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อความกังวลเรื่องกระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่กลับไปยังสหรัฐฯ ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก และเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนจากการลงทุนในตลาดหุ้น ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทยจึงขอแนะนำทางเลือกให้นักลงทุนได้สามารถที่จะกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังตราสารหนี้ต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีกองทุนเปิดเค โกลบอล บอนด์ (K-GB) ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ล่าสุด โดยจะเน้นกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลก โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก Templeton Global Bond Fund-Class I กองทุนชั้นนำระดับโลก และเป็นหนึ่งในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยปัจจุบัน (ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557) กองทุนมีขนาดสินทรัพย์กว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท บริหารจัดการโดย Franklin Templeton Investments หนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก นอกจากนี้กองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar® และได้รับ Rating GOLD จาก S&P Capital IQ ในปี 2557 นี้ด้วย
นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุนหลักของกองทุน K-GB มีนโยบายการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) โดยไม่อิงกับเกณฑ์มาตรฐาน ด้วยหลักการลงทุนที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเศรษฐกิจระดับประเทศ โดยมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการคัดเลือกประเทศที่มีความน่าเชื่อถือดีและศักยภาพในการเติบโตสูง การคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และการทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว อย่างไรก็ดี กองทุนอาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย (บลจ.) จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตัวแปรสำคัญที่จะต้องจับตาคือประเด็นทางการเมืองว่าจะมีแนวโน้มอย่างไรต่อไป แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องการสิ้นสภาพของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางส่วนแล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ทางการเมืองโดยรวมยังไม่คลี่คลาย ปัจจัยดังกล่าวยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจในด้านต่างๆ เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การใช้จ่ายภาคเอกชน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของไทย ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายลงได้เร็ว เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังก็น่าจะมีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าในครึ่งปีแรก แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในเชิงลบเป็นลูกโซ่ได้
ด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศเอง แม้เศรษฐกิจในหลายภูมิภาคได้ส่งสัญญาณฟื้นตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาทิ ปัญหาความไม่สงบในยูเครนซึ่งส่งผลไปถึงแนวโน้มการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แม้สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เนื่องจากรัสเซียเองก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีที่จะหยุดการเข้าไปมีอิทธิพลในยูเครน นอกจากนี้ยังมีกรณีการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนคาดว่าน่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้ ประเด็นดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อความกังวลเรื่องกระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่กลับไปยังสหรัฐฯ ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก และเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนจากการลงทุนในตลาดหุ้น ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทยจึงขอแนะนำทางเลือกให้นักลงทุนได้สามารถที่จะกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังตราสารหนี้ต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีกองทุนเปิดเค โกลบอล บอนด์ (K-GB) ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ล่าสุด โดยจะเน้นกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลก โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก Templeton Global Bond Fund-Class I กองทุนชั้นนำระดับโลก และเป็นหนึ่งในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยปัจจุบัน (ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557) กองทุนมีขนาดสินทรัพย์กว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท บริหารจัดการโดย Franklin Templeton Investments หนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก นอกจากนี้กองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar® และได้รับ Rating GOLD จาก S&P Capital IQ ในปี 2557 นี้ด้วย
นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุนหลักของกองทุน K-GB มีนโยบายการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) โดยไม่อิงกับเกณฑ์มาตรฐาน ด้วยหลักการลงทุนที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเศรษฐกิจระดับประเทศ โดยมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการคัดเลือกประเทศที่มีความน่าเชื่อถือดีและศักยภาพในการเติบโตสูง การคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และการทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว อย่างไรก็ดี กองทุนอาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้