บลจ.กสิกรไทยออกองทุน โกลบอล บอนด์ (K-GB) ลงทุนผ่านกองหลัก Templeton แนะกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ ชี้การลงทุนในปีนี้มีความผันผวน มองตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนดี
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จนทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนในตลาดสหรัฐฯ มากในปีที่ผ่านมา ขณะที่ยุโรปก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง
ส่วนญี่ปุ่นก็ยังต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโต อย่างไรก็ตาม ตลาดเกิดใหม่ในปีที่ผ่านมาก็ยังคงมีการเติบโตอยู่แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดพัฒนาแล้ว แต่หลายภูมิภาคยังน่าลงทุนบริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไร ขณะเดียวกัน ค่าเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ก็อ่อนค่าลงมา ดังนั้นตลาดจึงเริ่มไม่มีความกังวลต่อการเติบโตที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ตลาดตราสารหนี้ในปีที่ผ่านมามีการเทขายจากตลาดเกิดใหม่ออกไปสู่ตลาดพัฒนาแล้ว แต่ในปีนี้ตลาดเริ่มไม่มีความกังวลแม้การเทขายจะยังมีต่อไป ดังนั้นการลงทุนของกลุ่มประเทศเกิดใหม่เริ่มดีขึ้น แต่คงไม่ให้ผลตอบแทนที่สูงมาก ระดับราคาตอนนี้ถือว่าไม่ถูกไม่แพง ยังมีโอกาสลงทุนได้ รวมทั้งความผันผวนที่ยังคงมีอยู่
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมเปิดขายกองทุน โกลบอลบอนด์ (K-GB) เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก โดยกองทุนลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลก ผ่านกองทุนหลักคือกองทุน Templeton Global Bond Fund - Class I โดยกองทุนจะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่ลงทุน รวมทั้งจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่างๆ และจากเครดิตของตราสารที่มีการปรับขึ้น ซึ่งในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจ หรือตลาดเงินมีความผันผวน ตราสารหนี้มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารทุน
“กองทุนจะกระจายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลกในหลายสกุลเงิน บริหารจัดการแบบ Active โดยปรับสัดส่วนการลงทุนตามภูมิภาค ปัจจุบันลงทุนกว่า 48 ประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทุนก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ เช่นในเรื่องการลงทุนในตราสารที่เกรดต่ำ โดยกองทุนเปิดขาย IPO วันที่ 1-8เมษายน 2557”
นายพงพิเชษฐ์ นานานุกุล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ บลจ.กสิกรไทยก็ยังเน้นการเติบโต ออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ครบตามความต้องการของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสร้างการเติบโตในกองทุนรวมให้เกินเป้า 1 ล้านล้านในปีนี้ หรือคิดเป็นการเติบโต 10% ซึ่งในปีนี้ก็จะมีการเติบโตมาจากการออกกองทุน การลงทุน และการขายผ่านแบงก์