สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนปรับเป้า SET INDEX ที่ 1,473 จุด จากปัจจัยหลักในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย และความเสี่ยงทางการเมืองไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มการเจรจาที่จะหาข้อยุติได้อย่างชัดเจน ส่วน GDP Growth อยู่ที่ 2.4% และ EPS Growth อยู่ที่ 11% แนะนักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีเงินปันผลที่สม่ำเสมอ เน้นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางด้านการเมือง
นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนกล่าวว่า จากผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนปี 2557 คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,473 จุด ใกล้เคียงกับคาดการณ์เดิมเมื่อตอนต้นปีนี่ที่ 1,472 จุด แต่ยังต่ำกว่าคาดการณ์ที่ได้ทำการสำรวจไว้เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2556 ซึ่งอยู่ที่เฉลี่ย 1,534 จุด จากปัจจัยหลักในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย และความเสี่ยงทางการเมืองไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มการเจรจาที่จะหาข้อยุติได้อย่างชัดเจน โดยปัจจัยเสี่ยงที่น่าจับตามองครั้งนี้คือ การปรับลดคาดการณ์ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ในขณะที่การปรับลดนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE ของสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่
อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดทุน และเศรษฐกิจโลกที่ทยอยปรับฟื้นตัวขึ้น และนักลงทุนต่างประเทศที่ทยอยกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย และคาดการณ์ว่า สถานการณ์การเมืองจะเริ่มลดความตึงเครียดลง และเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้นในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางโบรกฯ ได้ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth อยู่ที่ประมาณ 2.4% ซึ่งกรอบประเมินต่ำสุดที่คาดไว้จะอยู่ที่ 1.1% และกรอบการเติบโตสูงสุดจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น หรือ EPS Growth นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 11%
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 20,300 บาท/ต่อบาททองคำ ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน 20,049 บาท/ต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีเงินปันผลที่สม่ำเสมอ เน้นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางด้านการเมือง และอิงกับการเติบโตของสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยทยอยสะสมในจังหวะที่ตลาดปรับตัวลดลงจากปัญหาผลกระทบของการเมือง และควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการลงทุนอย่างชัดเจน และกระจายความเสี่ยงการลงทุนในไปยังประเภทต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หุ้นต่างประเทศ และทองคำ