นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการของ บลจ.กสิกรไทยยังคงได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปัจจุบันที่เศรษฐกิจภายในประเทศยังคงชะลอตัว ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวน รวมถึงสถานการณ์ดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% จากการประชุมในกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะเติบโตได้ไม่ถึง 2.70% ตามที่ได้เคยตั้งเป้าหมายไว้ และมีการเตรียมทบทวนปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้
โดยจากปัจจัยที่กล่าวมาส่งผลบวกต่อกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภท Term Fund โดยเฉพาะกองทุนในกลุ่มไฮยิลด์บอนด์ที่มีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศและจากดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนในกลุ่มดังกล่าวต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยในวันที่ 29 เมษายน-6 พฤษภาคม 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน เอ (KEFI3MA) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ที (KEFF6MT) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอช (KFF6MBH) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี โดยทุกกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFI3MA จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk ประเทศอินโดนีเชีย และตราสารหนี้ VakifBank ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ประเทศไทยของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุน KEFF6MT เบื้องต้นจะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank (Asia) Corporation ประเทศฮ่องกง เงินฝาก Garanti Bank และตราสารหนี้ VakifBank ประเทศตุรกี รวมด้วยตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd.ประเทศฮ่องกง และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอช (KFF6MBH) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China ตราสารหนี้ Bank of East Asia Ltd. และตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFF6MBH ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีอาร์ (KPPTF3MDR) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.00% ต่อปี
โดยจากปัจจัยที่กล่าวมาส่งผลบวกต่อกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภท Term Fund โดยเฉพาะกองทุนในกลุ่มไฮยิลด์บอนด์ที่มีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศและจากดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนในกลุ่มดังกล่าวต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยในวันที่ 29 เมษายน-6 พฤษภาคม 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน เอ (KEFI3MA) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ที (KEFF6MT) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอช (KFF6MBH) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี โดยทุกกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFI3MA จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk ประเทศอินโดนีเชีย และตราสารหนี้ VakifBank ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ประเทศไทยของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุน KEFF6MT เบื้องต้นจะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank (Asia) Corporation ประเทศฮ่องกง เงินฝาก Garanti Bank และตราสารหนี้ VakifBank ประเทศตุรกี รวมด้วยตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd.ประเทศฮ่องกง และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอช (KFF6MBH) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China ตราสารหนี้ Bank of East Asia Ltd. และตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFF6MBH ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีอาร์ (KPPTF3MDR) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.00% ต่อปี