บลจ.กสิกรไทยเตรียมปันผลกองทุน WHAPF ในอัตราละ 0.1740 บาทต่อหน่วยลงทุน ก่อนเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ปลายเดือนตุลาคมนี้ นักลงทุนยิ้มรับปันผล 30 กันยายนนี้
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนวันที่ 20 กันยายน 2556 ในอัตรา 0.1740 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 30 กันยายน 2556 มูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 91.38 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ และหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมากองทุนฯ มีการประกาศจ่ายเงินปันผลแล้ว 10 ครั้ง จ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 1.8872 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเฉลี่ยที่ประมาณ 7.20% ต่อปี มูลค่าเงินปันผลรวมทั้งสิ้นประมาณ 555 ล้านบาท
โดยกองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวม 9 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคลังสินค้า 7 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า Kao 1, Kao 2 และโครงการคลังสินค้า Kao 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี พร้อมด้วยอาคารคลังสินค้า DKSH (หรือดีทแฮล์มเดิม) จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า DKSH ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการคลังสินค้า DKSH Consumer โครงการคลังสินค้า DKSH 3M และโครงการคลังสินค้า Healthcare บริเวณ ถ.บางนา-ตราด กม.20 (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และยังมีโครงการโรงงานอีก 2 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ซึ่งทุกโครงการยังคงมีผู้เช่าเต็มพื้นที่
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า การเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ของกองทุน WHAPF ซึ่งจะเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนอีก 4.18 พันล้านบาทในช่วงราวๆ ปลายเดือนตุลาคมนี้ นายประเสริฐเปิดเผยว่า การเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้กองทุน WHAPF มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 9,400 ล้านบาท โดยกองทุนเตรียมจะขยายการลงทุนไปในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารคลังสินค้าอีกจำนวน 5 โครงการ คือ โครงการ WHA Mega Logistics Center ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ขนาดพื้นที่ประมาณ 57,399 ตารางเมตร ประกอบด้วยศูนย์กระจายสินค้าและอาคารโรงงาน 12 หลัง, โครงการ DSG เฟส 1 และเฟส 2 ในเขตประกอบการเหมราช จ.สระบุรี ขนาดพื้นที่ประมาณ 55,372 ตารางเมตร โดยมีผู้เช่าคือบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ภายใต้ยี่ห้อ “BabyLove” “Pet Pet” ฯลฯ โดยสินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่โครงการ Ducati เฟส 2 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ขนาดพื้นที่ประมาณ 12,835 ตารางเมตร โดยมีผู้เช่าคือ บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและประกอบรถจักรยานยนต์สัญชาติอิตาลีระดับพรีเมียม, โครงการคลังสินค้า DKSH 3M เฟส 2 บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.20 ขนาดพื้นที่ประมาณ 9,195 ตารางเมตร ซึ่งมีบริษัทชั้นนำอย่าง ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ และโครงการ WHA Mega Logistics Center บริเวณ อ.พานทอง จ.ชลบุรี (ติดนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร) ขนาดพื้นที่ประมาณ 38,565 ตารางเมตร ซึ่งเป็นโครงการประเภท Warehouse Farm ประกอบด้วยอาคารจำนวน 4 หลัง โดยมีผู้เช่าที่มีศักยภาพ เช่น บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และ บริษัท แอลแอฟ โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนกระจายสินค้าให้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในเครือมี้ด จอห์นสัน เช่น ผลิตภัณฑ์ตระกูลเอนฟา และผลิตภัณฑ์อะแล็คต้า 100
ทั้งนี้ นอกเหนือจากอาคารคลังสินค้าที่ได้กล่าวมาแล้ว การเพิ่มทุนในครั้งนี้ยังมีการลงทุนเพิ่มเติมในระบบปรับอากาศของโครงการ Healthcare อาคารคลังสินค้าปรับอากาศที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐานสากลเหมาะสำหรับการจัดเก็บเวชภัณฑ์บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำอย่างบริษัทดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทคราวน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด เป็นผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยเชื่อมั่นว่าคลังสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจรวมทั้งการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวและจะสามารถเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุนต่อไป
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนวันที่ 20 กันยายน 2556 ในอัตรา 0.1740 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 30 กันยายน 2556 มูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 91.38 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ และหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมากองทุนฯ มีการประกาศจ่ายเงินปันผลแล้ว 10 ครั้ง จ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 1.8872 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเฉลี่ยที่ประมาณ 7.20% ต่อปี มูลค่าเงินปันผลรวมทั้งสิ้นประมาณ 555 ล้านบาท
โดยกองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวม 9 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคลังสินค้า 7 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า Kao 1, Kao 2 และโครงการคลังสินค้า Kao 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี พร้อมด้วยอาคารคลังสินค้า DKSH (หรือดีทแฮล์มเดิม) จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า DKSH ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการคลังสินค้า DKSH Consumer โครงการคลังสินค้า DKSH 3M และโครงการคลังสินค้า Healthcare บริเวณ ถ.บางนา-ตราด กม.20 (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และยังมีโครงการโรงงานอีก 2 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ซึ่งทุกโครงการยังคงมีผู้เช่าเต็มพื้นที่
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า การเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ของกองทุน WHAPF ซึ่งจะเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนอีก 4.18 พันล้านบาทในช่วงราวๆ ปลายเดือนตุลาคมนี้ นายประเสริฐเปิดเผยว่า การเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้กองทุน WHAPF มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 9,400 ล้านบาท โดยกองทุนเตรียมจะขยายการลงทุนไปในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารคลังสินค้าอีกจำนวน 5 โครงการ คือ โครงการ WHA Mega Logistics Center ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ขนาดพื้นที่ประมาณ 57,399 ตารางเมตร ประกอบด้วยศูนย์กระจายสินค้าและอาคารโรงงาน 12 หลัง, โครงการ DSG เฟส 1 และเฟส 2 ในเขตประกอบการเหมราช จ.สระบุรี ขนาดพื้นที่ประมาณ 55,372 ตารางเมตร โดยมีผู้เช่าคือบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ภายใต้ยี่ห้อ “BabyLove” “Pet Pet” ฯลฯ โดยสินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่โครงการ Ducati เฟส 2 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ขนาดพื้นที่ประมาณ 12,835 ตารางเมตร โดยมีผู้เช่าคือ บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและประกอบรถจักรยานยนต์สัญชาติอิตาลีระดับพรีเมียม, โครงการคลังสินค้า DKSH 3M เฟส 2 บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.20 ขนาดพื้นที่ประมาณ 9,195 ตารางเมตร ซึ่งมีบริษัทชั้นนำอย่าง ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ และโครงการ WHA Mega Logistics Center บริเวณ อ.พานทอง จ.ชลบุรี (ติดนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร) ขนาดพื้นที่ประมาณ 38,565 ตารางเมตร ซึ่งเป็นโครงการประเภท Warehouse Farm ประกอบด้วยอาคารจำนวน 4 หลัง โดยมีผู้เช่าที่มีศักยภาพ เช่น บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และ บริษัท แอลแอฟ โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนกระจายสินค้าให้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในเครือมี้ด จอห์นสัน เช่น ผลิตภัณฑ์ตระกูลเอนฟา และผลิตภัณฑ์อะแล็คต้า 100
ทั้งนี้ นอกเหนือจากอาคารคลังสินค้าที่ได้กล่าวมาแล้ว การเพิ่มทุนในครั้งนี้ยังมีการลงทุนเพิ่มเติมในระบบปรับอากาศของโครงการ Healthcare อาคารคลังสินค้าปรับอากาศที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐานสากลเหมาะสำหรับการจัดเก็บเวชภัณฑ์บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำอย่างบริษัทดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทคราวน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด เป็นผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยเชื่อมั่นว่าคลังสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจรวมทั้งการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวและจะสามารถเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุนต่อไป