บลจ.กสิกรไทยเตรียมเพิ่มทุนกองทุนอสังหาฯ WHAPF ครั้งที่ 2 อีก 2 พันล้านบาท ลุยลงทุนคลังยาและคลังสินค้าชั้นนำเพิ่ม ชูจุดเด่นทำเลทองใกล้ท่าเรือและสนามบิน เริ่มเปิดจองหน่วยลงทุนวันที่ 11-13 ธ.ค.นี้
นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมียม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) เป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนได้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในรอบการดำเนินงานระหว่างปี 2554-2555 นี้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนแล้วรวม 4 ครั้ง เป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 0.7241 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนสำหรับผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 เฉลี่ยประมาณ 7.22% ต่อปี มูลค่าการจ่ายปันผลในปีนี้รวม 159.35 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทเตรียมเพิ่มทุนในกองทุนดังกล่าว และทำการให้เปิดจองซื้อหน่วยลงทุนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมในวันที่ 11-13 ธันวาคม 2555 และสำหรับผู้ลงทุนรายใหม่ในวันที่ 19-25 ธันวาคม 2555 โดยจะระดมทุนอีก 2,142 ล้านบาทเพื่อขยายการลงทุนไปในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารคลังสินค้า 2 โครงการ คือ โครงการคลังสินค้า Healthcare บนถนนบางนา-ตราด ขนาดประมาณ 52,700 ตารางเมตร และโครงการคลังสินค้า Kao 3 ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ขนาดประมาณ 16,800 ตารางเมตร ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยเชื่อมั่นว่าคลังสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาว
“สำหรับคลังสินค้าทั้ง 2 โครงการที่กองทุน WHAPF เตรียมจะลงทุนหลังจากดำเนินการเพิ่มทุนครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ลงทุน เพราะนอกจากคลังสินค้าทั้ง 2 โครงการจะมีผู้เช่าเต็ม 100% จากสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้เช่ารายใหญ่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลแล้ว ยังมีจุดเด่นที่ทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านขนส่งและลอจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของคลังสินค้าในโครงการ Healthcare ที่กองทุนจะเข้าลงทุนนั้น เป็นอาคารคลังสินค้าปรับอากาศพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐานสากลเหมาะสำหรับการจัดเก็บเวชภัณฑ์ ซึ่งคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ยังมีไม่มากนักในประเทศไทย” นายกำพลกล่าว
นายอำพล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบันบริษัทชั้นนำอย่างบริษัทดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีทแฮล์มเดิม บริษัทเม็นโล เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทคราวน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด เป็นผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ สำหรับอาคารคลังสินค้าโครงการ Kao 3 ในจังหวัดชลบุรีนั้น มีบริษัทคาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทชั้นนำของโลกในการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และเวชภัณฑ์เป็นผู้เช่าระยะยาว ทำให้กองทุนมั่นใจว่าอาคารคลังสินค้าที่กองทุนจะเข้าลงทุนทั้ง 2 โครงการจะสามารถรักษาอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ได้จนครบสัญญาเช่า ทั้งยังมีโอกาสสูงมากที่ผู้เช่าจะต่อสัญญาออกไปอีกเมื่อครบอายุสัญญา
ทั้งนี้ มีการลงทุนในอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวม 7 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคลังสินค้า 5 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า Kao 1 และโครงการคลังสินค้า Kao 2 ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี พร้อมด้วย อาคารคลังสินค้า DKSH (หรือดีทแฮล์มเดิม) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า DKSH ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการคลังสินค้า DKSH Consumer และโครงการคลังสินค้า DKSH 3M บริเวณ ถ.บางนา-ตราด กม.20 (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และโครงการโรงงานอีก 2 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ปัจจุบันมีมูลค่าโครงการเดิมประมาณ 3,110 ล้านบาท และภายหลังดำเนินการเพิ่มทุนแล้วจะส่งผลให้กองทุนจะมีขนาด 5,252 ล้านบาท