บลจ.กสิกรไทยเตรียมเพิ่มทุนกองอสังหาฯ WHAPF อีก 4,056 ล้านบาท ขยายลงทุนเพิ่มคลังสินค้า 5 โครงการ มั่นใจทุกโครงการได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศแน่ พร้อมโชว์ผลงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนปันผลแล้ว 10 ครั้ง หรือเป็นผลตอบแทนถึง 7.20% ต่อปี
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม ในวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2556 และสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปในวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2556 โดยจะระดมทุนเพิ่มอีก 4,056 ล้านบาทเพื่อขยายการลงทุนไปในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารคลังสินค้าอีกจำนวน 5 โครงการ และโครงการระบบปรับอากาศ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ WHA Mega Logistics Center บนถนนบางนา-ตราด กม.19 ขนาดพื้นที่ประมาณ 57,399 ตารางเมตร โครงการ DSG เฟส 1 และ เฟส 2 ในเขตประกอบการเหมราช จ.สระบุรี ขนาดพื้นที่ประมาณ 55,372 ตารางเมตร โครงการ Ducati เฟส 2 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ขนาดพื้นที่ประมาณ 12,835 ตารางเมตร โครงการคลังสินค้า DKSH 3M เฟส 2 บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.20 ขนาดพื้นที่ประมาณ 9,195 ตารางเมตร และโครงการ WHA Mega Logistics Center บริเวณ อ.พานทอง จ.ชลบุรี (ติดนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร) ขนาดพื้นที่ประมาณ 38,565 ตารางเมตร สำหรับโครงการระบบปรับอากาศเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในระบบปรับอากาศของโครงการ Healthcare บนถนนบางนา-ตราด ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยเชื่อมั่นว่าโครงการในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนมีรายได้เพิ่มอย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวและการกระจายกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาวต่อไป
“คลังสินค้าทั้ง 5 โครงการที่กองทุน WHAPF เตรียมจะลงทุนหลังจากดำเนินการเพิ่มทุนครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ลงทุน เพราะนอกจากจะทำสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้เช่ารายใหญ่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลแล้ว ยังมีจุดเด่นที่ทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านขนส่งและลอจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงอาคารโรงงานที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุน มีทั้งรูปแบบที่เป็น Built to suit และ General Warehouse ซึ่งได้รับการก่อสร้างตามมาตรฐานสากล บริหารงานโดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่าอาคารคลังสินค้าที่กองทุนจะเข้าลงทุนทั้ง 5 โครงการจะสามารถรักษาอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ได้จนครบกำหนดสัญญาเช่า ทั้งยังมีโอกาสสูงมากที่ผู้เช่าจะต่อสัญญาออกไปอีกเมื่อครบอายุสัญญา” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน WHAPF นายประเสริฐกล่าวว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนธันวาคม ปี 2553 กองทุนได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนรวมแล้ว 10 ครั้ง เป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 1.8872 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเฉลี่ยที่ประมาณ 7.20% ต่อปี มูลค่าเงินปันผลรวมทั้งสิ้นประมาณ 555 ล้านบาท ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยเชื่อว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้กองทุนยิ่งมีการกระจายรายได้ระยะยาวที่สม่ำเสมอและเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนในแง่โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจต่อไป
ปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) มีการลงทุนในอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวม 9 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคลังสินค้า 7 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า Kao 1, Kao 2 และโครงการคลังสินค้า Kao 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี พร้อมด้วยอาคารคลังสินค้า DKSH (หรือดีทแฮล์มเดิม) จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า DKSH ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการคลังสินค้า DKSH Consumer โครงการคลังสินค้า DKSH 3M และโครงการคลังสินค้า Healthcare บริเวณ ถ.บางนา-ตราด กม.20 (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และยังมีโครงการโรงงานอีก 2 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง ซึ่งทุกโครงการยังคงมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ โดยคิดเป็นมูลค่าโครงการเดิมประมาณ 5,252 ล้านบาท และภายหลังดำเนินการเพิ่มทุนแล้วจะส่งผลให้กองทุนจะมีขนาดโครงการประมาณ 9,308 ล้านบาท
สำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ของกองทุน WHAPF ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมสามารถจองซื้อได้ตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2556 ในราคาหน่วยลงทุนละ 9.80 บาท โดยจะได้สิทธิจองซื้อในอัตราส่วน 1 หน่วยลงทุนเดิมต่อ 0.5516 หน่วยลงทุนใหม่ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนของกองทุน WHAPF ได้ในวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2556 ในราคาหน่วยลงทุนละ 9.80 โดยมีกำหนดขั้นต่ำที่ 5,000 หน่วย และจองซื้อเพิ่มได้เป็นทวีคูณของ 100 หน่วย