บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลเตรียมออกกองทุนผสม ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล บาลานซ์ อินคัม เน้นกลยุทธ์ลงทุนสร้างยิลด์ 8-10% สม่ำเสมอรับหุ้นผันผวน แนะหุ้นไทยยังถูกทยอยสะสม เผยแผนการโตบริษัทตั้งเป้าทะลุ 30,000 ล้านในครึ่งปีหลังนี้ พร้อมรุกในทุกธุรกิจ
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากในปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเติบโตทั้งกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการเติบโต 40% พร้อมทั้งมีแผนการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 25% ตลอด 5 ปีข้างหน้า โดยกองทุนนโยบายการลงทุนที่บริษัทเน้นคือการลงทุนระยะยาวในรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับตนเอง โดยที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ ด้วยการบริหารจากบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในระบบภูมิภาคและทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าอยู่ประมาณ 10,000 ราย โดยเน้นการขายอยู่ในแบงก์ประมาณ 80%
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี่ยงชีพนั้นมองว่ายังสามารถเข้าไปหาลูกค้าในบริษัทต่างๆ ได้อีก เนื่องจากยังมีหลายบริษัทที่ยังอยู่ในระบบและยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ส่วนกองทุนส่วนบุคคลก็กำลังที่จะเข้าไปหาลูกค้าใหม่เช่นกัน
ขณะที่กระบวนการลงทุนของบริษัทจะเน้นกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น โดยเลือกการลงทุนเป็นรายตัว โดยจะไปพบบริษัทต่างๆ ที่สนใจและทำงานร่วมกับบริษัทซีไอเอ็มบีในภูมิภาคเพื่อวิเคราะห์หุ้นที่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อให้ได้บริษัทที่มีคุณภาพและสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว
นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิด ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล บาลานซ์ อินคัม โดยเป็นกองทุนประเภทผสมที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 65% และตราสารหนี้ 35% กองทุนจะเน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยกลยุทธ์การลงทุนแบบเลือกหุ้นรายตัว เลือกลงทุนแบบซื้อถูกขายแพง โดยสัดส่วนการลงทุนหุ้นจะให้น้ำหนักไปที่กลุ่มสื่อสาร กลุ่มก่อสร้าง รวมทั้งกลุ่มพลังงาน แต่รองลงมาคือกลุ่มแบงก์ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกองทุนจะสร้างผลตอบแทนจากการขายทำกำไรและจ่ายปันผลสม่ำเสมอประมาณ 8-10% ต่อปี เปิดขาย IPO วันที่ 28 ก.ย.-4 ก.ย. 2556
โดยภาวะตลาดหุ้นในระดับปัจจุบันเป็นระดับที่น่าทยอยสะสมเพราะเชื่อว่าในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งปัจจุบันระดับ P/E หุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ถูกกว่าหุ้นในภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงแต่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ที่ระดับ 18% ในปีนี้ และที่ระดับ 15% ในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่าดัชนีหุ้นที่ระดับปัจจุบันจะสามารถโตไปได้อีกประมาณ 15% ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจคือ เศรษฐกิจที่มีการเติบโต เงินเฟ้อไม่สูง ราคาหุ้นไม่แพง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดี
“ปัจจุบันเงินทุนต่างประเทศไหลออกไปจำนวนมากแต่ไม่ได้เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อว่าหากตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่าตลาดหุ้นเอเชียและตลาดเกิดใหม่ก็จะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย แต่ตลาดหุ้นจากนี้ไปจะเริ่มมองไปที่การเติบโตจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก จะไม่ขึ้นไปมากเหมือนหลังเกิดวิกฤตที่สภาพคล่องมีเยอะมาก”
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากในปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเติบโตทั้งกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการเติบโต 40% พร้อมทั้งมีแผนการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 25% ตลอด 5 ปีข้างหน้า โดยกองทุนนโยบายการลงทุนที่บริษัทเน้นคือการลงทุนระยะยาวในรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับตนเอง โดยที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ ด้วยการบริหารจากบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในระบบภูมิภาคและทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าอยู่ประมาณ 10,000 ราย โดยเน้นการขายอยู่ในแบงก์ประมาณ 80%
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี่ยงชีพนั้นมองว่ายังสามารถเข้าไปหาลูกค้าในบริษัทต่างๆ ได้อีก เนื่องจากยังมีหลายบริษัทที่ยังอยู่ในระบบและยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ส่วนกองทุนส่วนบุคคลก็กำลังที่จะเข้าไปหาลูกค้าใหม่เช่นกัน
ขณะที่กระบวนการลงทุนของบริษัทจะเน้นกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น โดยเลือกการลงทุนเป็นรายตัว โดยจะไปพบบริษัทต่างๆ ที่สนใจและทำงานร่วมกับบริษัทซีไอเอ็มบีในภูมิภาคเพื่อวิเคราะห์หุ้นที่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อให้ได้บริษัทที่มีคุณภาพและสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว
นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิด ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล บาลานซ์ อินคัม โดยเป็นกองทุนประเภทผสมที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 65% และตราสารหนี้ 35% กองทุนจะเน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยกลยุทธ์การลงทุนแบบเลือกหุ้นรายตัว เลือกลงทุนแบบซื้อถูกขายแพง โดยสัดส่วนการลงทุนหุ้นจะให้น้ำหนักไปที่กลุ่มสื่อสาร กลุ่มก่อสร้าง รวมทั้งกลุ่มพลังงาน แต่รองลงมาคือกลุ่มแบงก์ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกองทุนจะสร้างผลตอบแทนจากการขายทำกำไรและจ่ายปันผลสม่ำเสมอประมาณ 8-10% ต่อปี เปิดขาย IPO วันที่ 28 ก.ย.-4 ก.ย. 2556
โดยภาวะตลาดหุ้นในระดับปัจจุบันเป็นระดับที่น่าทยอยสะสมเพราะเชื่อว่าในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งปัจจุบันระดับ P/E หุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ถูกกว่าหุ้นในภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงแต่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ที่ระดับ 18% ในปีนี้ และที่ระดับ 15% ในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่าดัชนีหุ้นที่ระดับปัจจุบันจะสามารถโตไปได้อีกประมาณ 15% ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจคือ เศรษฐกิจที่มีการเติบโต เงินเฟ้อไม่สูง ราคาหุ้นไม่แพง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดี
“ปัจจุบันเงินทุนต่างประเทศไหลออกไปจำนวนมากแต่ไม่ได้เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อว่าหากตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่าตลาดหุ้นเอเชียและตลาดเกิดใหม่ก็จะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย แต่ตลาดหุ้นจากนี้ไปจะเริ่มมองไปที่การเติบโตจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก จะไม่ขึ้นไปมากเหมือนหลังเกิดวิกฤตที่สภาพคล่องมีเยอะมาก”