xs
xsm
sm
md
lg

กูรูแนะเพิ่มลงทุนหุ้น US มองน้ำมัน-ทองคำไม่ใช่ขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ทิสโก้ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ขณะที่หุ้นไทย P/E ปัจจุบันที่ระดับ 13 เท่า เป็นจังหวะที่น่าลงทุน ขณะที่ทองคำและน้ำมันตอนนี้ยังไม่เป็นขาขึ้น

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแรงหนุนทางการเติบโตจากการส่งออกที่โตขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวขึ้น โดย บลจ.ทิสโก้ยังคงคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด จากแนวโน้มของต่างชาติที่เริ่มมีแรงขายเบาบางลง และมองว่าหุ้นไทยผ่านจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้วที่ระดับ 1,350 จุด

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศในไตรมาสที่ 2 และการจ่ายเงินปันผลในช่วงกลางปี นอกจากนี้จะมีการผลักดันจากโครงการภาครัฐมากขึ้น รวมถึงการมีแรงซื้อในกองทุน LTF และ RMF เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยอีก

“ขณะนี้ค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 13.5 เท่า ที่ดัชนี 1,400 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนเนื่องจากยังมีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันดอกเบี้ยถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ”

ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มองว่ามีความเสี่ยงในการปรับลดลงมากกว่าปรับขึ้น ซึ่งต้องมีการพิจารณาถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่ขณะนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทำให้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP จาก 5% ลดลงเหลือ 4% และหากแนวโน้มเศรษฐกิจในประทศขยายตัวต่ำกว่า 4% เชื่อว่าจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งลงเหลือ 2.25% จาก 2.50%

นายสาห์รัชยังกล่าวถึงราคาน้ำมันว่า เมื่อสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอียิปต์สิ้นสุดลงจะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง ปัจจุบันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มขึ้นที่ไม่มีเสถียรภาพ และความต้องการซื้อไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะไปช่วยหนุนการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน

ส่วนการลงทุนในทองคำ แนะนำให้นักลงทุนอย่าคาดหวังสูงมาก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของทองคำนั้นไม่สูงเหมือนในอดีตที่ให้ผลตอบแทนที่ระดับ 20% โดยราคาทองคำก็มีแนวโน้มเป็น sideway และอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนมากกว่า หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ส่วนเศรษฐกิจยุโรปแม้จะยังไม่ดีขึ้นมากแต่ก็ไม่ย่ำแย่ไปกว่าเดิม และตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจเติบโตดีอยู่แล้ว ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างมาก

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ ไม่แนะนำให้ถือตราสารระยะยาวในสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนปัจจุบันไม่มากนัก ส่วนตราสารหนี้ของไทยนั้น นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นมากกว่าระยะยาวเนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าแต่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ของไทยในระดับที่น่าสนใจเข้าซื้ออยู่ที่ 4% แต่ขณะนี้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวอยู่ที่ราว 3%

การลงทุนในระยะสั้น 3-6 เดือนแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น หรือตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มมีการเติบโตที่ดีขึ้นและเป็นตลาดที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยเฉพาะตลาดในสหรัฐฯ ที่นักลงทุนไม่ค่อยมีความกังวลในเรื่องการถอนมาตรการ QE เพราะไม่ว่าจะลดขนาดหรือถอนมารตรการ QE สหรัฐฯ ก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น