xs
xsm
sm
md
lg

จับตาความชัดเจนมาตรการ QE ชี้มีผลต่อเงินไหลเข้าตลาดบอนด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอ็มดีสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยแนะจับตาดูความชัดเจนมาตรการ QE ชี้มีผลต่อฟันด์โฟลว์ที่จะไหลเข้าตราสารหนี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยและนโยบายการเงินของ ธปท.ก็มีผล ล่าสุดประเมินครึ่งปีหลังหุ้นกู้ยังระดมทุนต่อเนื่อง คาดทั้งปีอยู่ที่ 3.8-4.0 แสนล้าน

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยถึงแนวโน้มของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ว่า แนวโน้มของตลาดยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนอาจจะต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งปัจจัยภายในประเทศรวมถึงปัจจัยภายนอกประเทศ โดยปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงถัดไปอยู่ที่ตัวเลขที่แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และการดำเนินนโยบายของ ธปท. รวมถึงการรักษาเสถียรภาพด้านอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้แล้วกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าออกประเทศไทย รวมถึงความชัดเจนของการดำเนินมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ล้วนแต่เป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน

ส่วนภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยช่วงครึ่งแรกของปี 2556 นั้น ในส่วนของตลาดแรก (Primary Market) มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตราสารหนี้ระยะยาวของทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมูลค่าคงค้าง (Outstanding) ของตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกัน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 เท่ากับ 8.88 ล้านล้านบาท

สำหรับความเคลื่อนไหวในตลาดรอง พบว่าการซื้อขายตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 11.95 ล้านล้านบาท พบว่าการซื้อขายตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 (ไม่รวมตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี) อยู่ที่ประมาณวันละ 37,345 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปี 2555 ถึง 102%

“ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิเฉพาะตราสารหนี้ที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี (Net Buy) อยู่ประมาณ 123,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2556 นักลงทุนต่างชาติเริ่มทำการขายตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวรวมกัน 53,000 ล้านบาท บวกกับตราสารหนี้เดิมที่ถือครองอยู่และหมดอายุไปโดยไม่ได้ทำการลงทุนซ้ำอีกจำนวน 41,000 ล้านบาท ทำให้โดยรวมแล้วมีเงินไหลออก (Out-flow) จากตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงระยะเวลาเพียง 2 เดือนกว่า 94,000 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 มาอยู่ที่ 772,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2555

ส่วนความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2556 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2555 พบว่าอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงในตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในตราสารหนี้ระยะยาว โดยผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ปรับตัวลดลงประมาณ 15 basis point (100 basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ตามการปรับลดของดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) เพิ่มขึ้นในช่วงประมาณ +20 ถึง +35 bp ตามการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนของ US Treasury

“คาดว่ามูลค่าการออกตราสารหนี้ระยะยาวภาคเอกชน (หุ้นกู้) ในอีกครึ่งปีที่เหลือจะอยู่ที่ประมาณ 180,000-200,000 ล้านบาท โดยทิศทางของอัตราผลตอบแทนภายในประเทศในช่วงเวลาถัดไปคาดว่าจะมีความผันผวนโดยมีโอกาสทั้งที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ และน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการออกหุ้นกู้ใหม่ในปีนี้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการว่ามูลค่าของหุ้นกู้ออกใหม่ตลอดทั้งปี 2556 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 360,000-400,000 ล้านบาท โดยภาคธุรกิจที่จะออกหุ้นกู้ในปีนี้จะได้แก่ การออกหุ้นกู้ของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


กำลังโหลดความคิดเห็น