xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ QE ยังกดดันหุ้น-บอนด์ ศก.ไทยชะลอ/หนี้ครัวเรือนพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กูรูเศรษฐกิจ-การเงินมองเศรษฐกิจไทยชะลอลง แต่บริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดี ขณะที่มาตรการ QE ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ มองครึ่งปีหลังหุ้นไทยผันผวน คาดดัชนีที่ 1,400-1,550 จุด

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและการลงทุนว่า หลักจากช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 เงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่จำนวนมาก และตอนนี้เงินทุนเริ่มไหลกลับเพราะเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วเริ่มฟื้นตัวขึ้น ดังนั้นในส่วนของประเทศไทยในปีนี้จึงคาดว่าเงินจากต่างชาติทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไม่น่าจะเป็นบวกในปีนี้ ขณะเดียวกันก็ไม่น่าจะส่งผลต่อค่าเงินบาทของไทย โดยเงินบาทที่ระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจึงเป็นระดับที่สมดุล แต่ปัจจัยที่ต้องระวังคือหนี้ภาครัวเรือนที่สูงจากนโยบายของภาครัฐ 

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงตลาดตราสารหนี้ไทยว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมาต่างชาติเทขายตราสารหนี้ไทยประมาณ 9 หมื่นล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย 86,000 ล้านบาท เหลืออยู่ 77,000 ล้านบาท โดยมองว่าขณะนี้ต่างชาติเริ่มชะลอการเทขายแล้ว หลังจากก่อนหน้ามีการขายออกไปจำนวนมากจากการประกาศลดมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ลง ซึ่งตอนนี้ก็ต้องจับตาดูว่าการลด QE จะส่งผลอย่างไรบ้าง

ขณะเดียวกัน แม้ว่าเงินจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไปมากแต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการระดมทุนของภาครัฐในการลงทุน ซึ่งทางภาครัฐก็มีทางเลือก เช่น กู้เงินจากแบงก์พาณิชย์หรือการออกตราสารในตลาดทุน ซึ่งมองว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องการจำนำข้าวที่มีปัญหานั้นส่งผลต่อเรื่องการเสียงบประมาณและส่งผลต่อความเชื่อมั่นของไทย แต่ยังมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังดี หนี้สาธารณะไม่สูง แม้ว่าสหรัฐฯ จะยกเลิก QE แต่มองว่าเงินลงทุนจะยังไหลมาตลาดตราสารหนี้ของไทย เพราะตลาดไทยยังเล็กจึงยังมีการเติบโตได้อีก

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงผันผวน มาตรการ QE ของสหรัฐฯ ยังคงเป็นตัวแปรต่อการลงทุน จึงปรับลดการคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,400-1,550 จุด แต่บริษัทจดทะเบียนยังคงมีการเติบโตที่ดี ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวแต่การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนยังเข้ามาช่วยได้
กำลังโหลดความคิดเห็น