xs
xsm
sm
md
lg

กูรูแนะถึงจังหวะชอป RMF-LTF มองระยะสั้นดัชนีผันผวนต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยแนะนักลงทุนกองทุนประหยัดภาษี LTF และ RMF ทยอยเก็บหน่วยลงทุนเข้าพอร์ต หลังนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลมาตรการ QE ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง พร้อมเตือนระยะสั้นดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก

นายอาทิตย์ ทองเจริญ ผู้บริหารงานจัดหาผลิตภัณฑ์พิเศษ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า นักลงทุนเทขายหุ้นในช่วงนี้เกิดจากความกังวลในความไม่แน่นอนของมาตรการ QE หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพราะถ้าย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบผ่านการซื้อพันธบัตร และตราสารหนี้ที่มีหลักประกัน (MBS) เป็นจำนวนเงินมหาศาลกว่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทำให้เกิดสภาพคล่องล้นตลาดการเงิน และกดดันตลาดตราสารหนี้ให้มีผลตอบแทนที่ต่ำลง ส่งผลให้มีเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลเข้าหาสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงกว่า โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ เช่น ไทย ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายๆ ตัวเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการจ้างงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Fed อาจจะมีการชะลอเม็ดเงินที่จะใช้ในโครงการ QE ลง ในขณะที่ปัจจัยอื่นที่สำคัญคือตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง การกลับแข็งค่าขึ้นของเงินเยน หลังจากที่มีการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาทำให้มีการเกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา การปรับตัวอย่างผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้นของประเทศต่างๆ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล และปรับลดสถานการณ์ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลงมาถือเงินสดไว้มากขึ้น จึงเกิดแรงเทขายหุ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียออกมาเป็นจำนวนมาก กดดันตลาดหุ้นทั่วทุกภูมิภาคให้ปรับตัวลง

นอกจากนี้ การที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P ได้มีการปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ จากเดิมเชิงลบ-Negative มาสู่ระดับมีเสถียรภาพ-Stable ซึ่งส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นไทย เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นทำให้เงินที่เคยไหลออกมาลงทุนในประเทศต่างๆ บางส่วนเริ่มไหลย้อนกลับเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ นอกเหนือจากปัจจัยภายนอกประเทศแล้ว ปัจจัยภายในประเทศไทยเองก็เป็นสิ่งที่กดดันนักลงทุนต่างชาติให้เทขายหุ้นไทยออกมา โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งในแง่ของนักลงทุนต่างชาติแล้ว ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลงด้วย จึงเกิดแรงเทขายออกมา และหันไปถือเงินดอลลาร์สหรัฐแทนเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้จะดูเหมือนว่าตลาดจะเต็มไปด้วยปัจจัยลบ แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยเองแล้วพบว่ายังคงอยู่ในเกณฑ์ดี การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการลงทุนคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การปรับลดลงของตลาดหุ้นช่วยทำให้การประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ตามปัจจัยพื้นฐานมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น และได้สะท้อนปัจจัยมหภาคที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว

สำหรับปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ แม้จะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นได้ไม่เท่ากับในช่วงที่ผ่านมา แต่แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาด 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐซึ่งเมื่อผ่านการอนุมัติของสภาก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในระยะยาว และสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในระยะต่อไป รวมถึงค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงมา ก็น่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการส่งออก ดังนั้น การที่ตลาดปรับตัวลดลงจึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะทยอยสะสมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในระยะยาวทั้งในส่วนของกองทุน LTF และ RMF ที่มีการลงทุนในหุ้น แต่ทั้งนี้ ในระยะสั้นตลาดเองก็มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงมาได้อีก เนื่องจากเมื่อตลาดปรับตัวลงมาแตะระดับที่เป็นแนวรับอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้มีแรงขายจากนักลงทุนที่อาศัยปัจจัยทางเทคนิคใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจขายเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนมาเช่นกัน ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรจะใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษในการเข้าลงทุนในช่วงนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น