ผู้ว่าฯ “ประสาร” แจง “บาทอ่อน-หุ้นร่วง” เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะนักลงทุนถอนเงินจากตลาดเกิดใหม่ ส่วนผลกระทบอสังหาฯ คาดมีน้อย เพราะสัดส่วนการถือครองไม่เยอะ แต่ยอมรับราคาพลังงานอาจโดนผลกระทบแต่ไม่รุนแรง คาดเงินเฟ้อไม่พุ่ง เพราะใช้หลายปัจจัยคำนวณไม่ใช่มองแต่ราคาน้ำมัน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ดูแลสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ขณะนี้อ่อนค่าลงมาค่อนข้างเร็ว แต่ระดับความผันผวนของค่าเงินบาทไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ได้ขายดอลลาร์สหรัฐออกมาพอสมควร เพื่อดูแลไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเร็วจนมีผลกระทบ
ดังนั้น จึงมองว่าการอ่อนค่าของเงินบาทไม่ได้น่ากังวล เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากการที่นักลงทุนต่างชาตินำเงินออกจากประเทศเกิดใหม่ ซึ่งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อ่อนค่าเร็ว ซึ่งยอมรับว่าปฏิกิริยาของตลาดต่อข่าวที่สหรัฐฯ จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ในครั้งนี้ค่อนข้างเร็ว
ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องระมัดระวังว่าตลาดการเงินไม่ปกติ รวมทั้งติดตาม และบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สามารถตอบได้ว่าค่าเงินบาทในระยะต่อไปจะมีทิศทางใดเพราะยังสามารถเคลื่อนไหวได้ทั้ง 2 ทิศทาง เช่น เมื่อวานนี้ที่เงินบาทอ่อนค่าลงไปถึง 31.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงบ่าย แต่ในช่วงเย็นกลับมาแข็งค่าขึ้น 30.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงในวันนี้ ไม่น่าเป็นกังวล เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาสูงมากถึงร้อยละ 30 ดังนั้น เมื่อนักลงทุนต่างชาติมีกำไรก็มีการปรับพอร์ตการลงทุนออกมาบ้าง สามารถดูแลได้ เพราะตลาดหุ้นไทยมีกลไกปรับตัวอัตโนมัติ และที่ผ่านมา ก็มีการปรับตัวมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นได้จากเเรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่ออกมาก่อนหน้านี้
ส่วนผลกระทบต่อตลาดพันธบัตรเช่นกัน เนื่องจากสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรไทยมีอยู่เพียงร้อยละ 12 ของการถือครองพันธบัตรทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 800,000 ล้านบาท หรือ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อย และในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้ลดการถือครองพันธบัตรลงเหลือร้อยละ 11 และส่วนใหญ่เป็นการถือครองพันธบัตรระยะยาว อายุเฉลี่ย 4-5 ปี ดังนั้น เงินลงทุนระยะสั้นคงจะเหลืออยู่อีกไม่มาก
ส่วนผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์มีไม่มาก เพราะสัดส่วนการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติมีน้อย ยกเว้นเป็นการถือครองผ่านภรรยาคนไทย หรือในชื่อของบุคคลอื่น ดังนั้น การที่เงินทุนไหลออกจึงกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์น้อย
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวด้วยว่า การที่เงินบาทอ่อนค่าอาจทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานสูงขึ้นบ้าง แต่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้อยู่ในระดับสูง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งยังมีการค้นพบเชลล์แก๊ส เชลล์ออยล์
ดังนั้น ผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะมาก ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องนำปัจจัยรอบด้านมาประกอบกัน ไม่ใช่นำข้อมูลของราคาน้ำมันมาพิจารณาเพียงปัจจัยเดียว