xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ไม่หวั่นบาทอ่อน มั่นใจทุนสำรองเอาอยู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ว่าการธปท.เผยเงินบาทอ่อนไม่กังวลและความผันผวนไม่ได้สูงล้ำเพื่อนบ้าน ระบุสัปดาห์ที่ผ่านมาขายเงินดอลลาร์ออกไปจำนวนหนึ่ง เพื่อดูแลเงินบาทไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ย้ำหน้าที่จะไม่ฝืนทิศทางตลาดขนาดใหญ่ มั่นใจต่างชาติถอนทุนออกในตลาดหุ้น-บอนด์ไทยไม่มีปัญหา เพราะเงินทุนสำรองฯ เพียงพอในการดูแลได้

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทอ่อนค่าในขณะนี้ไม่ได้สร้างความวิตกกังวล และความผันผวนของค่าเงินบาทไม่ได้สูงกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาคนี้ แต่เงินบาทมีความผันผวนค่อนข้างต่ำกว่าสกุลเงินอื่นๆ ด้วยซ้ำ โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การอ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปทั้งภูมิภาค ซึ่ง ธปท.ได้ขายเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวนพอสมควรเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ขณะเดียวกันก็จะไม่ฝืนทิศทางตลาดขนาดใหญ่

“เงินบาทเคลื่อนไหว 20-30 สตางค์ต่อวัน ถือว่าเป็นอัตราค่อนข้างเร็ว แต่ไม่ได้เร็วกว่าสกุลเงินในภูมิภาค จึงไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เพราะทั่วโลกเกิดขึ้น ทำให้ปฏิกิริยาของตลาดการเงินโลกมีการตอบสนองรวดเร็ว ฝั่งผู้ประกอบการต้องเฝ้าติดตามตลาดการเงินโลกที่ไม่ปกติและบริหารความเสี่ยงของตัวเองทางใดทางหนึ่งเป็นเรื่องที่ดี ส่วนหน้าที่ของธปท.จะดูแลไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป ขณะเดียวกันก็ไม่ควรฝืนทิศทางตลาดขนาดใหญ่”

ทั้งนี้ ทิศทางค่าเงินบาทยังไม่มีใครบอกได้แม่นยำ แต่มองว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังมีโอกาสเป็นไปได้ทั้ง 2 ทิศทางทั้งอ่อนและแข็งค่า แต่ขณะนี้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นค่อนข้างเร็วและมาก เมื่อใดสถานการณ์สงบลงเงินบาทก็อาจกลับทิศได้เช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงกลางวันเงินบาทเปิดตลาด 31.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ช่วงปิดตลาดกลับข้างเป็น 39.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันเงินที่เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นไม่มากและเป็นประเภทตราสารหนี้ระยะสั้นเท่านั้น แต่การลงทุนพันธบัตรส่วนใหญ่ยังเป็นระยะยาวมากกว่า ซึ่งอายุเฉลี่ยในการถือครองพันธบัตรอยู่ที่ 4-5 ปี

ต่อข้อซักถามที่ว่าในตลาดหุ้นมีการขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เงินทุนไหลออกค่อนข้างเยอะ ธปท.จะมีการปรับแนวนโยบายการเงินในระยะต่อไปอย่างไร ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่น่าห่วง เพราะเชื่อว่าทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของไทยยังมีมากเพียงพอรองรับกระแสเงินทุนของต่างชาติได้ โดยปัจจุบันต่างชาติถือพันธบัตรไทย 12% หรือประมาณ 8 แสนล้านบาท คิดเป็นวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นช่วงที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในพันธบัตรไทยมากที่สุด แต่ขณะนี้สัดส่วนเริ่มลดลงเหลือ 11% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนในตลาดหุ้นมองว่ามีกลไกการปรับตัวโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ถ้านักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไป ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเช่นกัน ถือเป็นการยับยั้งได้ระดับหนึ่ง และในความเป็นจริง ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติเริ่มปรับตัวมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเข้าใจได้ว่าตั้งแต่ปลายปีเทียบกับต้นปี ตลาดหุ้นไทยปรับตัวมากกว่า 30% สูงสุดในโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดี และแรงส่งของรัฐจากการที่ลดภาษีนิติบุคคลจากสัดส่วน 30% เหลือ 23% และในอนาคตมีแผนจะลดลงอีกเป็น 20%

**บาทอ่อนทำเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นบ้าง**
เงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่รุนแรง โดยสาเหตุหลักเกิดจากประเทศไทยมีการนำเข้าพลังงานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการสั่งซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ เมื่อเงินบาทอ่อนจะส่งผลให้การซื้อน้ำมันแพงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้เพิ่มขึ้นเร็ว เพราะการชะลอเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันคนพบแหล่งพลังงานอื่นที่จีนและสหรัฐ
ส่วนจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินหรือไม่ต้องพิจารณาแวดล้อมในหลายด้านประกอบกันด้วย ซึ่งขณะนี้ตัวเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกก็ค่อนข้างชะลอตัวลง.
กำลังโหลดความคิดเห็น