“กิตติรัตน์” ผวาบาทอ่อนหลุด 31 บาท/ดอลลาร์ เรียกร้อง ธปท. เข้ามาดูแลด่วน เพราะเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนกรณีตลาดหุ้นไทยโดนถล่ม ต่างชาติขายทิ้งหนักมั่นใจไม่มีปัญหาเพราะประเทศมีทุนสำรองเยอะ สภาพคล่องเพียงพอ แถมยังมีโครงการลงทุน 2 ล้านล้าน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ต้องการเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ดูแลเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนมากจนเกินไปเหมือนช่วงที่ผ่านมาที่ค่าเงินบาทแข็งค่าสูงสุดแตะระดับ 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในขณะนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้าได้ โดยมองว่าค่าเงินบาทไม่ควรแข็งค่าขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ควรบริหารจัดการให้มีเสถียรภาพมากกว่านี้ เพราะหากค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นก็จะไม่เจอกับสถานการณ์บาทอ่อนเช่นนี้
ดังนั้น การดูแลค่าเงินจึงควรดูแลอย่างใกล้ชิด และให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศคู่ค้า และคู่แข่ง โดยไม่จำเป็นต้องอิงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งทาง ธปท.จะต้องดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้า มีเสถียรภาพ และเกิดการกระจายรายได้
ทั้งนี้ มองว่าขณะนี้ประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมากกว่าหลายประเทศ ซึ่งจะถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทได้ เพื่อไม่ให้เงินบาทผันผวน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ธปท.ในการบริหารจัดการค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพมากกกว่านี้ โดยไม่ได้หมายถึงการให้ ธปท.เข้าไปแทรกแซง หรือกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ แต่ต้องการเห็นการใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ดูตัวอย่างการดูแลสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการดูแลราคาน้ำมันไม่ให้สูงจนเกินไป ซึ่งฐานะกองทุนน้ำมันอาจจะติดลบบ้าง เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน และภาคการผลิต
“ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่เราจะต้องดูแลค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวน เพราะหากก่อนหน้านี้ เงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นถึง 28 บาท วันนี้ก็ไม่ต้องเจอสถานการณ์อ่อนค่าเหมือนจุดนี้ ควรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ไม่ใช่ 3 เดือนแข็ง 4 เดือนอ่อน ต้องบริหารจัดการ ซึ่งเราก็มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากพอที่เป็นกันชน และมีสภาพคล่องที่เป็นเงินบาทมากอยู่ ซึ่งเชื่อว่าหน่วยงานที่ดูแลก็คิดเหมือนกัน จะดูแลเสถียรภาพบาทอย่างไรไม่ให้เหวี่ยงแบบนี้” นายกิตติรัตน์กล่าว
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นายกิตติรัตน์ ยืนยันไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการปรับลงตามประเทศในภูมิภาค เนื่องจากเงินทุนไหลออก โดยเฉพาะในกลุ่ม TIP ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ประกอบกับพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่ง ทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง และมีสภาพคล่องเพียงพอ รวมทั้งกำลังจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.95-30.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.93-30.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค โดยต้องติดตามปัจจัยเรื่องเงินทุนที่ไหลออกด้วย
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 30.90-31.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มยังปรับตัวอ่อนค่า ถ้าหลุดแนวต้าน 30.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ไปได้ก็จะกลับไปทดสอบระดับเดิมที่ระดับ 31.18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
