xs
xsm
sm
md
lg

จัดพอร์ตรับตลาดผันผวน ถือเงินสดรอช้อนของถูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สินทรัพย์เสี่ยงที่มีการปรับฐานนั้นยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อีก แต่เป็นเรื่องดีในภาวะเช่นนี้ เพราะจะมีบริษัทที่ดีถูกขายทิ้งลงมาอย่างไม่สมเหตุผล”

ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีนี้ดูเหมือนเกิดความผันผวนขึ้นจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเรื่องการลดการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จึงเกิดการเทขายทำกำไรกันออกมาในตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ในสถานการณ์การลงทุนขณะนี้จึงต้องติดตามข้อมูลข่าสารกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญจากกูรูด้านการลงทุนมานำเสนอกัน จากงานสัมมนา “ผ่าเศรษฐกิจโลก ผ่านมุมมองผู้จัดการกองทุน”

มร.ไบรอัน พี เบเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้อำนวยการ บริษัท พิมโก้ เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ระดับโลก บอกว่า จากความกังวลของตลาดที่คาดว่าทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการหยุดมาตรการ QE นั้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่เดือน เม.ย.ถึงปัจจุบันที่ระดับ 1.0-1.5% ซึ่งดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการบริโภค ซึ่งมีการประเมินว่าทำให้ค่างวดในการผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นมา 20% เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการบริโภคเป็นหลัก

โดยที่ผ่านมาผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำให้ราคาสินทรัพย์สูงกว่าความเป็นจริง และทำให้กลไกตลาดบิดเบือนไปตามปกติตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ แต่ในทางอ้อมจากมาตรการคิวอีทำให้ราคาสินทรัพย์ในทั้ง 2 ตลาดปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกัน หรือเรียกว่ามาตรการ QE ทำให้สินทรัพย์เกือบทุกประเภทได้ประโยชน์ ยกเว้นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาจะเป็นไปตามพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ที่รองรับอยู่

มร.ไบรอันมองว่า สหรัฐฯ คงไม่ปล่อยให้ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสูงเพราะว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้ แล้วการแถลงของเฟดไม่ได้บอกว่าจะหยุดมาตรการ QE ซึ่งคงไม่ได้ลดเร็วในปีนี้ แต่เป็นการทยอยลดมากกว่า ซึ่งดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะทยอยปรับตัวลงในเร็วๆ นี้ ส่วนตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่มีการปรับฐานนั้นยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อีก แต่เป็นเรื่องดีในภาวะเช่นนี้ เพราะจะมีบริษัทที่ดีถูกขายทิ้งลงมาอย่างไม่สมเหตุผล

“นักลงทุนที่มีเงินสดควรเอาไว้ช้อนซื้อ แต่ต้องเลือกประเทศที่มีงบดุลแข็งแกร่ง เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการเติบโตภายใต้เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และเลือกบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ และในระยะยาวค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่ระยะสั้นควรพิจารณาลงทุนในตลาดพัฒนาแล้ว”

นั่นคือมุมมองและคำแนะนำการลงทุนที่น่าสนใจจากผู้บริหารหองทุนระดับโลก ด้านของผู้จัดการกองทุนในเมืองไทยก็มีคำการให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้เช่นกัน

ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี บอกว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องอีก 2-3 เดือน จึงแนะนำให้จัดพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เน้นลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพเป็นรายตัว รวมถึงบริษัทที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงต่อเนื่อง โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ระดับ 1,680 จุด และกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดช่วงที่ผ่านมาก็อยู่ในกรอบที่มองไว้เดิมคือ 1,350-1,850 จุด

นอกจากนี้ยังมองในเรื่องปัจจัยการเมืองด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีนั้นเชื่อว่าเป็นเพียงการลดแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งนักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักต่อการเมืองไทยมากนัก เมื่อเทียบกับการไหลเข้าออกของเงินทุน และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

เป็นช่วงเวลาการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้ มีทั้งโอกาสและก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน การลงทุนต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังในช่วงนี้ พร้อมๆ ไปกับข้อมูลข่าวสารที่ต้องมีอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเรื่องสำคัญ...
กำลังโหลดความคิดเห็น