xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมตราสารหนี้ไทย เสนอกำหนดเวลาต่างชาติถือตราสารหนี้แก้ปัญหาบาทแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมาคมตราสารหนี้ไทย เสนอกำหนดเวลาต่างชาติถือตราสารหนี้แก้ปัญหาบาทแข็ง เผยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนสุทธิในตราสารหนี้ 1.6 แสนล้านบาท ถือครองตราสารหนี้ทั้งสิ้น 8.6 แสนล้านบาท เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 27-28% หรือคิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านบาท

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการสมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ข้อเสนอให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมกำไรจากการลงทุนในตลาดตราสารหนี้สำหรับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อช่วยแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่านั้น อาจมีผลทางจิตวิทยา ช่วยชะลอการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้นได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แต่เงินทุนต่างชาติก็จะยังไหลเข้าไทย เนื่องจากได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่สูง

นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.75 ขณะที่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ อยู่ที่ร้อยละ 0.25 ยังมีส่วนต่างอยู่ร้อยละ 2.50 ซึ่งหากมีการเก็บภาษีกำไรจากตราสารหนี้ประมาณร้อยละ 15 หรือประมาณ 0.40 บาท ก็ยังคงมีส่วนต่างจากดอกเบี้ยเหลืออยู่อีกร้อยละ 0.30-0.20 ดังนั้น เห็นว่าแนวทางนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าได้

นายนิวัฒน์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าต้องแก้ที่สาเหตุ คือ การสกัดเงินทุนระยะสั้นที่จะเข้ามาเก็งกำไร และควรให้เงินทุนระยะสั้นไหลออก ดังนั้น เสนอให้กำหนดระยะเวลาการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนระยะสั้น เช่น ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งปัจจุบัน มีนักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นประมาณ 200,000 ล้านบาท หากนักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนไม่ได้ ก็ต้องมีการขายออก เงินบาทจะอ่อนค่าลงได้ เพราะจะมีการขายเงินบาทเพื่อซื้อดอลลาร์สหรัฐ

“ในปีที่ผ่านมา ประเทศอินโดนีเซีย ก็ได้ใช้แนวทางนี้ดูแลการแข็งค่าของเงินรูเปีย อินโดนีเซีย ซึ่งก็ได้ผล โดยเห็นว่าไทยควรศึกษาแนวทางดังกล่าว โดยจะเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณา เพราะเงินทุนต่างชาติที่ประเทศไทยต้องการ คือ เงินทุนระยะยาวสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หากใช้แนวทางกำหนดระยะเวลาการถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นนี้ก็จะไม่กระทบต่อนักลงทุนระยะยาว”

กรรมการผู้จัดการสมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวด้วยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนสุทธิในตราสารหนี้ 160,000 ล้านบาท ถือครองตราสารหนี้ทั้งสิ้น 860,000 ล้านบาท เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น ร้อยละ 27-28 หรือประมาณ 200,0000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น