กบข.เผยสินทรัพย์ปี 2555 เติบโต 10% หลังจากการลงทุนปีที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น สร้างผลตอบแทนในพอร์ตถึง 35,408 ล้านบาท คิดเป็น 133% คาด พ.ร.บ. กบข.ผ่านสิ้นปีนี้ เตรียมให้สมาชิกเลือกจะอยู่หรือออกจากการเป็นสมาชิก
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราขการ (กบข.) เปิดเผยผลการดำเนินงานในการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี 2556 ว่า ในปีที่ 2555 ผ่านมา กบข.มีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 577,132 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นมา 54,675 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.46% จากปี 2554 โดยมีเงินจากสมาชิกจำนวน 31,067 ล้านบาท มีผลกำไรจากการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 35,408 ล้านบาท จากปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ 20,211 ล้านบาท หรือคิดเป็น 133% ซึ่งจากภาวะการลงทุนในปี 2555 ที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นจากการผ่อนปรนนโยบายทางการเงินและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนา ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ทาง กบข.เน้นการลงทุนในหุ้นไทย และการขยายการลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐานโลก ซึ่งให้ผลตอบแทนในเกณฑ์ที่ดี และช่วยกระจายความเสี่ยง
สำหรับนโยบายการลงทุนในปี 2556 นี้ ทาง กบข.จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีทั้งใน และต่างประเทศเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้อ โดยในส่วนของตราสารหนี้ก็จะเน้นที่การลงทุนในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถให้ผลตอบแทนดี และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการกระจายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ด้วย
“แผนงานของ กบข.ก็จะเน้นการบริหารพอร์ตเชิงรุกเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยลงทุนตามแผนจัดสรรลงทุนระยะยาวฉบับใหม่ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูงทั้งใน และต่างประเทศ” นางสาวโสภาวดีกล่าว
ให้เลือกจะอยู่หรือออก
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ กบข. กล่าวว่า พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 นั้น หลังจากกระทรวงการคลังเสนอเรื่องแก่คณะรัฐมนตรีและผ่านการพิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในเดือนสิงหาคม 2556 และคาดว่ากฎหมายจะผ่านการพิจารณาของสภาฯ ช่วงสิ้นปีนี้
ดังนั้น หาก พ.ร.บ.แก้ไขฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สมาชิกใดที่ตัดสินใจเข้าสู่สมาชิก กบข.ก่อนหน้านี้ และมาถึงวันนี้เห็นว่าไม่เป็นธรรม สมาชิกมีโอกาสที่จะเลือกได้ว่าอยากเป็นสมาชิก กบข.อยู่ต่อไป หรือออกจากการเป็นสมาชิกและเข้าสู่ระบบบำนาญได้ โดยข้าราชการทั้งที่เกษียณไปแล้วและยังไม่เกษียณอายุราชการมีสิทธิ์ตัดสินใจจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 หรือ 6 เดือนหลัง พ.ร.บ.กบข.ฉบับแก้ไขมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งหากข้าราชการเลือกไปรับบำนาญจะมีการคำนวณเงินผลประโยชน์ใหม่
สำหรับผู้ที่เกษียณราชการไปแล้ว รับเงินจากกองทุน กบข.ไปแล้ว หากเลือกเข้าระบบบำนาญก็จะมีการคำนวณใหม่ผลประโยขน์ใหม่ตามระบบบำนาญ แต่เงินที่รับไปตอนเกษียณอายุต้องนำมาเคลียร์ให้ กบข.ก่อน ส่วนผู้ที่เป็นข้าราชการยังไม่เกษียณจะเข้าระบบบำนาญ
นายอารีพงศ์กล่าวว่า หากเลือกเป็นสมาชิก กบข.จะได้รับเงินสะสมเป็นเงินก้อน หลังจากนั้นได้บำนาญในอัตราต่ำสุดของ กบข. แต่ถ้าหากเลือกเข้าระบบบำนาญจะได้รับเงินก้อนลดลง แต่จะได้รับเงินบำนาญในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับทราบว่าบางคนไม่คุ้มที่จะออกจาก กบข.