สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยรับหุ้นทั่วโลกผันผวน ต่างชาติเทขายตราสารหนี้แต่เป็นนักลงทุนระยะสั้น นักลงทุนระยะยาวยังเหนียวแน่น แนะรัฐฯ ออกมาตรการชัดเจน หวั่นนักลงทุนต่างชาติหนี ขณะเดียวกันการประชุม กนง.29 พ.ค.นี้คาดอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับลดลงอีก 0.25-0.5%
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA เปิดเผยว่า แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาจะตกลงมา ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีเงินไหลออก รวมถึงจากความไม่แน่นอนของภาครัฐบาลที่จะออกมาตรการด้านภาษี หรือค่าธรรมเนียม ทำให้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินไหลออกกว่า 20,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 860,000 ล้านบาทเหลือที่ 840,000 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวส่งผลให้เงินไหลออกนั้นเป็นเพียงตราสารหนี้ระยะสั้นเท่านั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวยังคงอยู่ไม่ได้ไปไหน แต่ว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่ภาครัฐฯ ตั้งไว้ว่าจะมีการเติบโตถึง 7% แต่ทำได้แค่ 5.7% จึงเป็นตัวส่งผลให้เกิดการชะลอตัวไปบ้าง
“การที่ภาครัฐฯ ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับมาตรการด้านภาษีหรือค่าธรรมเนียม ซึ่งยังมีความไม่แน่ชัดว่าจะใช้ในการถือครองของพันธบัตรระยะ 3-6 เดือนหรือไม่ ซึ่งมาตรการความคุ้มครองนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงได้ ซึ่งการออกมาตรการเช่นนี้มันต้องดูจังหวะที่เหมาะสมต่อการใช้ เพราะถ้าออกมาใช้ไม่ถูกนักลงทุนอาจจะหายไปได้”
สำหรับตัวเลขยอดซื้อ-ขายของต่างชาติ ณ วันที่ 1-23 พฤษภาคม 2556 ต่างชาติขายตราสารหนี้ระยะสั้นที่ 17,762 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยอดซื้อตราสารหนี้ระยะยาวที่ 16,613 ล้านบาท รวมยอดขายสุทธิที่ 1,150 ล้านบาท และยอดถือครองอยู่ที่ 848,000 ล้านบาท
นายนิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ในบางครั้งการออกมาตรการนโยบายออกมามันแสดงให้เห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เองก็เข้ามาดูเรื่องของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อมาเทียบดูค่าเงินตลอด 1 ปีที่ผ่านมาปรับขึ้นมา 6% ซึ่งถือว่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียอยู่ 4-5% ซึ่งถือว่าอยู่ในขั้นแข่งขันได้
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 คาดว่าน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25-0.5% เนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตาม แม้มีการพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 0.5% จริง ก็เชื่อว่าจะไม่ได้ส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทให้แข็งค่าลดลง การแข่งขันก็ยังสามารถไปได้