xs
xsm
sm
md
lg

ฟันธงประกันชีวิตโต 3 เท่าจีดีพี ด้าน “เมืองไทย” ตั้งเป้าโต 20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกสมาคมฯ ฟันธงอุตสาหกรรมประกันชีวิตปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3 เท่าของจีดีพี ขณะที่ คปภ.เผยปี 55 ทั้งระบบโตเกิน 20% เบี้ยรวมทะลุ 5.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.92% ของจีดีพี ด้าน “เมืองไทยประกันชีวิต” ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท รุกทุกช่องทางการขาย

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมธุรกิจประกันชีวิตยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะปกติธุรกิจประกันจะขยายตัวสูงกว่าจีดีพีของประเทศ 2-3 เท่าตัว ในปีนี้จึงคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 15% เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวประชาชนมีเงินออมมากขึ้น จึงเริ่มมองหาประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันแบบออมทรัพย์มากขึ้น ประกอบกับประชาชนยังถือครองกรมธรรม์เพียง 30% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ เทียบกับต่างประเทศแล้วถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นตลาดยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 58 จะมีผลดีผลเสียต่อธุรกิจประกันชีวิตมากน้อยแค่ไหนนั้นอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด แต่คาดว่าผู้ประกอบการประกันชีวิตแต่ละบริษัทคงเตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับกรณีโรงพยาบาลของรัฐเตรียมขยับค่ารักษาพยาบาลนั้น บริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมประกันชีวิตไทยมองว่าขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการปรับเบี้ยประกัน หรือกระทบต่อการเคลมประกันเมื่อต้องเข้ารักษาพยาบาล เพราะการปรับเบี้ยประกันต้องอ้างอิงสถิติเดิม 1-2 ปีมาใช้คิดคำนวณ ดังนั้นในช่วงนี้จึงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สำหรับการคุมเข้มเรื่องการออกสปอตโฆษณาเกินจริงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) คงต้องรอดูว่ากฎหมายที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมามีรายละเอียดอย่างไร แต่จะทำให้ธุรกิจประกันมีความชัดเจนมากขึ้น และยังเป็นสิ่งที่ดีเพื่อทำให้ประชาชนไม่เข้าใจผิด หรือเกิดความคลาดเคลื่อน

ส่วนการลงทุนของอุตสาหกรรมประกันชีวิต หลักๆ แล้วยังให้น้ำหนักกับพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากแบบประกันส่วนใหญ่เป็นระยะยาวและเป็นแบบนี้มานานแล้ว ในอนาคตเมื่อประชาชนมีความเข้าใจมากกว่าเดิม รูปแบบกรมธรรม์ก็จะเปลี่ยนเป็นแบบการลงทุนมากขึ้น เช่น แบบยูนิตลิงก์ หรือกรมธรรม์ที่ควบกับการลงทุน แต่ก็ต้องอาศัยระยะเวลาเช่นกัน

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ช่วง 11 เดือนของปี 2555 (มกราคม-พฤศจิกายน) ธุรกิจประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 506,539 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.72% สำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 343,963 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.17% ในขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 162,576 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29%

“แม้ธุรกิจประกันภัยจะเผชิญปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงผลกระทบหลังจากเกิดเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 ส่งผลกระทบต่อฐานะการดำเนินงานของหลายบริษัท แต่ธุรกิจประกันภัยก็สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนได้จากตัวเลขเบี้ยประกันภัยรับโดยตั้งแต่มกราคม ถึงพฤศจิกายน 2555 ดังนั้นคาดว่าสิ้นปี 2555 เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของธุรกิจประกันภัยจะอยู่ที่ประมาณ 563,740 ล้านบาท อัตราการเจริญเติบโต 20.28% และมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อ GDP อยู่ที่ 4.92% สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันภัยในปี 2556 สำนักงาน คปภ.คาดว่าการเจริญเติบโตจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ชะลอลง ทั้งนี้เป็นผลจากฐานเปรียบเทียบที่สูงมากในปี 2555”

**ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมโต 20%**

นายสาระ ในฐานะกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ยังกล่าวถึงแผนงานในปี 56 ว่า เน้นพัฒนาคุณภาพของตัวแทนเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และให้คำปรึกษาทางการเงิน ทั้งการคุ้มครองชีวิต การออมทรัพย์ และการลงทุน เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการให้เงินกู้ตามกรมธรรม์ของตนเอง สามารถรอรับเงินกู้ได้เพราะเป็นเงินกรมธรรม์ของตนเอง และเร่งเดินหน้าเพิ่มเครือข่ายสถานพยาบาลให้ครอบคลุมในการใช้สิทธิรักษาโดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน (FAX Claim) จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 361 แห่งทั่วประเทศ

“ในปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับรวมเอาไว้ขั้นต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เน้นอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ให้อยู่ในอัตรา 89-90% โดยเน้นช่องทางการขายทุกช่องทาง ทั้งตัวแทนการขาย แบงก์แอสชัวรันซ์ ระบบออนไลน์ และสมาร์ทโฟน นอกจากนี้มีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปยังต่างจังหวัดเพิ่มด้วยการขยายสาขาอีก 10 แห่ง เช่น สาขาอรัญประเทศ จ.สระแก้ว สาขาท่าศาลา จ.ลพบุรี สาขาปาย จ.แม่ฮ่องสอน และเพิ่มตัวแทนขายเป็น 30,000 รายทั่วประเทศในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีกว่า 20,000 คน” นายสาระกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ในปี 2555 มีเบี้ยประกันรับรวม 48,868 ล้านบาท เติบโต 29% แบ่งเป็นเบี้ยประกันใหม่ 21,666 ล้านบาท เติบโต 32%และเบี้ยประกันปีต่ออายุ 27,202 ล้านบาท เติบโต 26% ส่งผลให้มีทรัพย์สินกว่า 150,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 94-95% เป็นสินทรัพย์ลงทุน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 141,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินสำรองประกันชีวิต 125,000 ล้านบาทและมีงินกองทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะที่ Car Ratio หรืออัตราความเพียงพอของเงินกองทุนสูงกว่าเกณฑ์ คปภ.กำหนด 377% ขณะที่ คปภ. กำหนดไว้ 140% ของเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และจากเบี้ยรับรวมในปีที่ผ่านมานั้นส่งผลให้เมืองไทยประกันชีวิตครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งสูงกว่าอันดับ 3 ไม่ถึง 500 ล้านบาทเท่านั้น ในปีนี้จึงเน้นรักษาอันดับ 2 ของเบี้ยรับรวมเอาไว้เหมือนเดิม


กำลังโหลดความคิดเห็น