บลจ.ทหารไทยมองเศรษฐกิจต่างประเทศยังต้องจับตายุโรปเรื่องปัญหาหนี้สเปน และเรื่อง Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ ชี้อาจส่งต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงสั้นได้ เผยกองทุนของบริษัทตั้งแต่ต้นปี กอง “ธนพลัส” ได้รับความสนใจมาก สินทรัพย์เติบโตขึ้น 7 หมื่นล้าน
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของการลงทุนในช่วงนี้ การเมืองในประเทศก็เงียบลงไป แต่ที่ต้องดูคือเรื่องเศรษฐกิจในต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ และยุโรป โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องจับตาดูเรื่องการหมดอายุของมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐในปี 2013 (Fiscal Cliff) ซึ่งมองว่ารัฐบาลไม่น่าจะดำเนินการในช่วงเดือนธันวาคมนี้แต่น่าจะเลื่อนไปในเดือนมกราคมปีหน้าเพราะยังมีเวลาอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้จะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงสั้นๆ ได้
ขณะที่ยุโรปในตอนนี้ยังมีความกังวลในเรื่องของปัญหาหนี้ของสเปน ต่อจากปัญหาของกรีซ ที่รัฐบาลสเปนต้องดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดตัวเลขหนี้ในประเทศลง ซึ่งตามมาด้วยการเดินขบวนประท้วงของคนในประเทศ เหมือนกับประเทศกรีซที่ปัจจุบันนี้สถานภาพของกรีซกำลังถูกมองว่าจะต้องออกจากยูโรโซนไปเพราะประเทศมีปัญหามาก เพียงแต่ตอนนี้ที่ยังอยู่เพราะไม่ต้องการให้ลากประเทศสเปนออกไปด้วยเท่านั้น
“เชื่อว่าหากกรีซออกจากยูโรโซนจริงจะส่งผลกระทบทำให้ตลาดเงินมีความผันผวน สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ จะปรับตัวขาดทุน รวมไปถึงราคาน้ำมันและตลาดหุ้นด้วย” นายไพศาลกล่าว
ด้านเศรษฐกิจจีน ในขณะนี้จะเห็นว่ายังมีความกังวลในเรื่องการเงินและภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาแก้ไปอีก ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดหุ้นจีนยังไม่ขยับตัวขึ้นแต่อย่างใดแม้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นจีนถูก อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนเชื่อว่าการลงทุนในจีนน่าลงทุนเพราะราคาหุ้นถูกก็สามารถเข้าไปได้ แต่คงต้องรอการปรับขึ้นของตลาด
ทั้งนี้ บลจ.ทหารไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากองทุนของ บลจ.ทหารไทยมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนกันมาก โดยเฉพาะกองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส ที่มีสินทรัพย์ที่เพิ่มมากปัจจุบันอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมซึ่งอยู่ที่ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยผลการดำเนินงานล่าสุด ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2555 กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.07% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.51% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.99% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.55%
กองทุนมีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน และตราสารหนี้ภาคเอกชนชั้นดี โดยจะลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ทั้งนี้ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน รวมถึงตราสารหนี้ต่างประเทศที่เข้าลงทุน และ/หรือผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน จะต้องได้รับการจัดอันดับ ดังนี้ 1. การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือต่ำกว่า 1 ปี จะต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นสองอันดับแรก (ในระดับ F1/F2 หรือเทียบเท่า) หรือได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวตั้งแต่ A- (หรือเทียบเท่า) ขึ้นไป 2. การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี จะต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวตั้งแต่ A- (หรือเทียบเท่า) ขึ้นไป