xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่น-กองทุนดัง:Fiscal Cliff เขย่าขวัญนักลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเรื่องราวของ Fiscal Cliff หรือหน้าผาทางการคลัง ของสหรัฐฯต่างได้รับการกล่าวขานจากนักลงทุนทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่ ปัญหา Fiscal Cliff จะผ่านพ้นไปได้ แต่ปัญหาคือจะกินระยะเวลาไปอีกนานเท่าไร ซึ่ง Democratic ต้องเร่งทำการตกลงกับฝั่ง Republican ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้แน่นอนว่าทาง Republican น่าจะมีการถ่วงเวลาอย่างแน่นอน คงต้องติดตามในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาเป็นแบบไหนแต่ที่แน่ๆคือ ไทยน่าจะได้รับผลกระทบอีกตามเคย

ขณะเดียวกันการเดินทางมาเยือนไทยของโอบามา หลายคนก็มองว่าการเดินทางมาครั้งนี้น่าจะมีนัยสร้างดุลยภาพเศรษฐกิจและถ่วงอำนาจการค้าจีน รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเอเชียเพิ่มขึ้น

และในสัปดาห์นี้ก็เช่นกันเปิดตลาดกระดานเขียวได้ไม่นาน สีแดงก็มาเยือนหลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มเทขายพอร์ตหุ้นไทย ซึ่งในกรณีนี้"ผู้จัดการกองทุน"ได้ให้เหตุผลว่า แม้ต่างชาติจะเทขายสุทธิออกไปแต่เม็ดเงินเหล่านี้ยังคงอยู่ในระบบ ซึ่งต้องไปตามดูว่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อราคาหุ้นถึงทาร์เก็ตที่นักลงทุนต่างชาติวางไว้ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะเทขายเพื่อทำกำไร แต่เสียอย่างไรสภาพคล่องเหล่านี้จะยังไม่ไปไหนแต่ยังคงวงเวียนอยู่ในเอเชีย และตลาเกิดใหม่ เนื่องจากการลงทุนในยุโรป และสหรัฐฯนั้นมีความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้งานสัมนาที่น่าสนใจก็เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการกองทุน หรือนักวิเคราะห์ทองคำก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจโลกในปี2556 นั้นน่าจะยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะปัญหาหนี้ยูโรปที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่สหรัฐฯยังง่อนแง่น สำหรับกลุ่มเอเชีย-และตลาดเกิดใหม่ยังเป็นกลุ่มเศรษฐกิจหลัก รวมถึงยังแนะนำให้ลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นปีหน้าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเอเชีย จีน และตลาดเกิดใหม่ซึ่งเชื่อว่ายังมีการเติบโตสูง ทางด้านนักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำอาจพุ่งถึงระดับ 1,920 เหรียญในปีหน้าด้วยเช่นกัน

กลับมาที่แวดวงกองทุนรวมกันบ้าง ในสัปดาห์ที่ผ่านมากองทุนประเภททริเกอร์ฟันด์กลับมาเปิดขายไอพีโอกันอีกครั้ง

เริ่มที่บลจ.กรุงศรี ส่งกองทุน"กรุงศรีอิควิตี้ 8% ทริกเกอร์ 3" ตั้งเป้าผลตอบแทนที่ 8% ภายใน 8 เดือน โดยให้เหตุผลในการออกกองทุนนี้ว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า แม้ในระยะสั้นตลาดจะมีความผันผวนอยู่บ้าง และการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะการเข้าลงทุนที่เหมาะสม เนื่องจากราคาหลักทรัพย์มีการปรับฐานลงมาบ้างถือเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในราคาถูกและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งในส่วนของเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าประเทศตลาดเกิดใหม่ และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตจากการลงทุนของภาครัฐที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2556

ทางด้านบลจ.ทิสโก้ เปิดขายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์เช่นกันแต่แปลตรงไปลงทุนในจีนแทน ซึ่งกองทุนดังกล่าวคือ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 5” ตั้งเป้าผลตอบแทนที่ 8% ภายใน 8 เดือน โดยบลจ.ทิสโก้มองว่า จากข้อมูลการลงทุนในตลาดหุ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่มีแรงซื้อเข้ามากที่สุดคือตลาดหุ้นจีน โดยปริมาณเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นจีนปรับสูงขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (Top Performer) โดยคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะมีเม็ดเงินไหลเข้าเป็นจำนวนมาก และมีทิศทางที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้

ขณะที่บลจ.ยูโอบี ก็ส่งทาร์เก็ตฟันด์เพิ่มอีก 2 กองทุนเช่นกัน โดยแบ่งเป็นกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 9 (UOBSS9) ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 7%ภายใน 1ปี และกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ เพื่อการเลี้ยงชีพ 2 (UOBSSRMF2) ตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ 7% ภายใน 1ปี สำหรับนักลงทุนประหยัดภาษี หลายคนอาจสงสัยอายุลงทุนเพียง 1 ปีแต่กองทุนใน RMF ต้องลงทุนถึงอายุ 55 ปีไม่ใช่หรือ โดยบลจ.ทิสโก้บอกว่าหากผลการดำเนินงานถึงเป้าหมาย บลจ.จะดำเนินการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิด ยูโอบี ออมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ แต่หากผลงานไม่ถึงเป้าหมายจะดำเนินการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิด ยูโอบี ตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ

ส่งท้ายข่าวดีจากบลจ.บัวหลวง ที่เตรียมเพิ่มทุนและเปิดให้จองหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์ค โลจิสติคส์ จำนวน 176.3 ล้านหน่วย ในราคาเสนอขายหน่วยละ 11.35 บาท ระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายนนี้ โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำเงินที่ได้ในครั้งนี้จะนำมาซื้อทรัพย์สินจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ประกอบด้วยที่ดินพร้อมอาคารคลังสินค้ามาตรฐานจำนวน 36 คูหา พื้นที่เช่ารวม 117,664 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ใน 5 ทำเลของโครงการไทคอน-โลจิสติคส์ พาร์ค กระจายอยู่ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และอยุธยา


กำลังโหลดความคิดเห็น