ทิสโก้ เวลธ์ มองเศรษฐกิจเอเชียยังแข็งแกร่ง แนะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้นในเอเชียและทองคำ ด้านสหรัฐฯและยุโรปยังคงมีความกังวลจากปัญหาหนี้ ขณะที่หุ้นไทยรับอานิสงส์สภาพคล่องล้นเงินทุนไหลเข้า มองดัชนีปีหน้า 1,450 จุด
นายกำพล อดิเรกสมบัติ เศรษฐกรอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2556 ว่า ยังคงมีความเสี่ยงจากวิกฤตในยูโรโซนต่อเนื่องไปจากปีนี้ เพราะแนวทางการแก้ปัญหายังไม่ได้รับการตอบรับจากสเปน รวมถึงยังมีความเสี่ยงทางการเมืองในอิตาลี และเยอรมนีที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความเสี่ยงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังที่กำลังจะหมดลงในช่วงปลายปีนี้ (Fiscal Cliff) และหนี้สาธารณะที่มีโอกาสจะชนเพดานหนี้ในช่วงปลายปีนี้ยังคงมีอยู่ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่ามาตรการลดภาษีและรายจ่ายส่วนใหญ่น่าจะได้รับการต่ออายุหรือหลีกเลี่ยงได้ รวมถึงการยกเพดานหนี้น่าจะสามารถทำได้ทัน อย่างไรก็ตาม ความผันผวนน่าจะมีค่อนข้างมากหลังการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะมีความคาดหวังให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด ส่วนในเรื่องความเสียหายที่เกิดจากพายุแซนดีที่เข้าสู่สหรัฐฯ นั้น มองว่าอาจจะมีผลกระทบบ้างในเรื่องการบริโภคทำให้เศรษฐกิจหยุดลงแต่ก็มองว่าจะไม่รุนแรงมากนัก
“มองว่าในปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะมีการฟื้นตัวกลับมาได้ เพราะการบริโภคในประเทศที่เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ยุโรปสเปนอาจจะเข้ารับความช่วยเหลือด้านการเงินเพราะหนี้ที่สูงมาก ซึ่งยุโรปก็ยังคงมีการแก้ปัญหาไปอย่างช้าๆ”
ด้านเศรษฐกิจไทยในปี 2556 น่าจะขยายตัวได้ 4.5% ภาคการส่งออกน่าจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่การบริโภคและการลงทุนในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายเป็นตัวสนับสนุน และมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% จนถึงกลางปี 2556 และจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น
นางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่น เนื่องจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกมากขึ้น และการเคลื่อนย้ายเงินทุนจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นนับว่ามีความน่าสนใจที่สุด แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ในเรื่องภาคการผลิตที่ยังไม่เพิ่มมากนักและความกังวลในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป
“เรายังคงแนะนำการเพิ่มสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เศรษฐกิจดีขึ้น มีการผลิตที่ดีกว่า มีการบริโภคที่มากขึ้น โดยตลาดหุ้นจีนน่าสนใจที่สุด”
ด้านตลาดหุ้นไทย TISCO Wealth ประเมินดัชนีหุ้นไทยปีหน้าไว้ที่ 1,450 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือราคาน้ำมันที่น่าจะเริ่มขยับขึ้น และจะส่งผลต่อราคาหุ้นไทยโดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าตลาดหุ้นไทยทั้งหมด รวมถึงการที่สภาพคล่องของตลาดโลกที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และคาดว่าส่วนใหญ่จะไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียนั้น รวมถึงทองคำที่น่าลงทุนในอันดับต้นๆ นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดหุ้น ส่วนที่ในปีนี้ระดับที่น่าเข้าไปลงทุนคือที่ระดับ 1,250 จุด
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในภาวะปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นนับเป็นทางเลือกที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันเงินลงทุนจากสหรัฐฯ ไหลเข้าในตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นมากขึ้นโดยเฉพาะจีน โดย บลจ.จะยังคงออกกองทุนประเภททริกเกอร์ฟันด์ต่อไป ซึ่งมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นในประเทศและหุ้นต่างประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้ ยังแนะนำกองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการออมเงินระยะยาวเพื่อไว้ใช้หลังเกษียณอายุ และต้องการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้น โดยมุ่งหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุน และได้ประโยชน์ในการหักลดหย่อนภาษีอีกด้วย ขณะที่กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่สูงนัก แต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
