xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้แนะลงบอนด์สั้นไม่เกิน 1 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ทิสโก้แนะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี และหลีกเลี่ยงการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว ล่าสุดปิดกองทุนเปิด “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 2” ก่อนกำหนด หลังบริหารเข้าเป้าหมาย 5% ใช้เวลาเพียง 8 เดือน

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ บลจ.ทิสโก้ได้ทำการเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 2” ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุนไม่เกิน 20% อายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งขณะนี้ NAV ของกองทุนดังกล่าว (ณ วันที่ 4 ต.ค. 55) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.5587 บาทต่อหน่วย ทำให้เข้าเงื่อนไขการเลือกโครงการได้ก่อนกำหนด พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ได้เป็นอย่างดี

ช่วงที่เราเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 2 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังเผชิญความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรป ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับลงอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่ทิสโก้มองว่าจังหวะดังกล่าวเป็นโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลงทุนในแบบที่ความเสี่ยงไม่สูงนัก แต่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก จึงควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีในช่วงที่ราคาหุ้นยังถูกอยู่

นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียวเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นดีดกลับ ซึ่งทุกอย่างได้เป็นไปตามที่ทิสโก้คาดไว้ ทำให้กองทุนดังกล่าวสามารถปิดกองทุนดังกล่าวได้ก่อนครบกำหนด สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5% ภายในเวลาประมาณ 8 เดือนเท่านั้น

TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้มองว่า กลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่เหมาะสมในช่วงนี้ยังคงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี และหลีกเลี่ยงการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยสิ้นปีนี้จะยังคงอยู่ที่ 3% เช่นเดิม อีกทั้งนโยบายของทั้ง ECB และธนาคารกลางสหรัฐฯ จะช่วยลดความกดดันในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลง

เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้มีสภาพคล่องล้นระบบต่อไป ในขณะที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ในระยะเวลาอันสั้นนี้คงจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น อาจหาจังหวะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น), ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุน


กำลังโหลดความคิดเห็น