xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.มองหุ้นไทยยังไต่ระดับต่อ จับจังหวะส่งทิกเกอร์ฟันด์ดักทำกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์
บลจ.แอสเซท พลัส มองเห็นโอกาสทำกำไรในตลาดหุ้นไทย พร้อมคงเป้าหมายกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 1,050 - 1,250 จุด ส่งกองทุน"แอสเซทพลัสไพร์ม 2" ตั้งเป้าสร้างผลตอบแทน 9% ใน 10 เดือน เปิดเสนอขาย IPO ตั้งแต่วันนี้ถึง7 สิงหาคม 2555 นี้ ด้านบลจ.ทิสโก้ ส่งกองทุน“ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3” ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพและหุ้นพื้นฐานดี ตั้งเป้าทำกำไร 5.5% ภายใน 1 ปี เปิดไอพีโอแล้วตั้งแต่ 30 ก.ค. - 14 ส.ค. 55

นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า แม้ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศยุโรปเริ่มกลับมาสร้างความกังวลให้กับภาวะการลงทุนอีกครั้ง แต่บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุน เนื่องจาก การลงทุนภาคเอกชนในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นโยบายการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และนโยบายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือร้อยละ 23 ส่งผลให้ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดไทย มีการเติบโตในระดับสูง ขณะที่ บริษัทฯ ประเมินว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน ยังอยู่ที่ในระดับสูงกว่า 4% ทั้งนี้บริษัทประเมินว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีโอกาสปรับตัวลง ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดย บริษัทยังคงเป้าหมายของกรอบดัชนีของปี 2555 อยู่ที่ระดับ 1,050-1,250 จุด

โดยระหว่างวันที่ 26 ก.ค. - 7 ส.ค. นี้ บริษัทฯ จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 2 (ASP-PRIME2) ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนตราสารหนี้และตราสารทุน ในระดับ 0-100% ที่เน้นลงทุนในหุ้นในประเทศเท่านั้น และใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโตควบคู่กับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาด โดยกองทุนมีเป้าหมายมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 9% ในระยะเวลาการลงทุน 10 เดือน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน ASP-PRIME2 บริษัทฯ จะรอจังหวะการลงทุนเมื่อตลาดหุ้นปรับฐานลงมาอยู่ที่ประมาณ 1,050 - 1,150 จุด จากระดับปัจจุบัน โดยบริษัทคาดว่า นักลงทุนจะมีการขายทำกำไรระยะสั้น หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น QE3 ในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน ทั้งนี้ กองทุน ASP-PRIME2 จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตจากการบริโภคในประทศ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสารและเทคโนโลยี ซึ่งผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก ออกมาเติบโตมากกว่า 20% และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มยานยนต์ คาดว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกหลังจากการฟื้นตัวจากน้ำท่วม

นอกจากนี้ ราคาหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้ปรับตัวลดลงมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน จากความกังวลเรื่องต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า บริษัทกลุ่มดังกล่าวสามารถบริหารจัดการให้ผลประกอบการเติบโตตามเป้าหมาย และส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสู่ราคาตามปัจจัยพื้นฐานได้ ทั้งนี้จากการความเชี่ยวชาญของทีมผู้จัดการกองทุนในการคัดสรรหุ้นคุณภาพ ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนโดยรวม บริษัทเชื่อมั่นว่า กองทุน ASP-PRIME2 จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 9% ภายใน 10 เดือน

ทางด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ. ทิสโก้ จำกัด และTISCO Wealth บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ กล่าวว่า เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในจังหวะเวลาที่เหมาะสม TISCO Wealth จึงเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 (TISCO Special Bonus Fund 3) ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และ/หรือเงินฝากในประเทศและต่างประเทศ และจะมีการลงทุนในตราสารแห่งทุนในประเทศไม่เกิน 30% โดยในกรณีที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

ทั้งนี้ TISCO Wealth ระบุว่ากองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 จะเหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน และต้องการชนะเงินเฟ้อ แต่ยังคงเน้นการลงทุนในแบบที่มีความเสี่ยงไม่สูงนัก โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอายุประมาณ 1 ปี และจะแบ่งสัดส่วนไม่เกิน 30% ลงทุนในหุ้นไทยเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับพอร์ตการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นยังอยู่ในระดับถูก โดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานดี นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว ซึ่งโอกาสที่จะชนะเงินเฟ้อมีน้อย

โดยตลาดหุ้นไทยนับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าลงทุน เนื่องจากพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับภาครัฐและเอกชนมีโครงการจะลงทุนเพื่อฟื้นฟูในช่วงหลังน้ำท่วม และนโยบายการกระตุ้นการบริโภคและการลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยเพิ่ม Upside ให้หุ้นไทย ทั้งนี้การลงทุนผ่านกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3นี้นับเป็นการตอบโจทย์การลงทุนที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5.5 % หลังหักค่าใช้จ่าย โดยกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดในวันทำการที่ 5 นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 30 ก.ค. - 14 ส.ค. 2555
สาห์รัช ชัฎสุวรรณ

กำลังโหลดความคิดเห็น