xs
xsm
sm
md
lg

ชี้เศรษฐกิจไทยปี56ยังโต จับตาประชานิยมหมดอายุฉุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิเคราะห์มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2556 ยังเติบโตต่อ เตือนนโยบายประชานิยมที่กำลังหมดอายุอาจส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังอาจแผ่วลง ระบุปัญหา"หน้าผาการคลัง"ของสหรัฐน่าจะจบไตรมาส 2 ปีหน้า ส่วนปัญหายูโรปอาจลากยาวต่อไปอีก

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าาว่า ความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือเรื่องของหน้าผาการคลัง ของสหรัฐฯซึ่งมีบทวิจัยของทางฝั่งสหรัฐฯมองว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการตกลงประมาณ 2 ครั้งและคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะมีการพูดคุยและตกลงกันได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ต้องยอมรับว่าปัจจจัยการเมืองนั้นยังส่งผลกระทบโดยตรงกับปัญหาหน้าผาการคลัง

สำหรับสภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปี 2556 ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นยังได้รับอานิสงค์จากการบริโภคภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นนโยบายรถคันแรก บ้านหลังแรกอยู่ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนั้นก็น่าจะทรงตัวหากภาคการส่งออกฟื้นตัว รวมถึงการลงทุนในโครงพื้นฐานของภาครัฐ อย่างไรก็ตามหลายคนอาจกังวลเรื่องของการคืนเงินภาษีโครงการรถยนต์คันแรกประมาณ 3-4 หมื่นล้าน ซึ่งในประเด็นนี้เรามองว่ายังไม่น่ากังวลเท่ากับนโยบายจำนำข้าวเนื่องจากยังประเมินงบประมาณในส่วนนี้ไม่ได้ โดยผลกระทบของนโยบายดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการผลิตข้าวมากกเกินไป รวมถึงการระบายข้าวของรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใดอีกด้วย

ทางด้านนายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีหน้านั้นโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะภาคธุรกิจ เอกชน แต่ปัญหาสภาพเศรษฐกิจโลกอ่อนเออาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยได้ แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าตัวเลขสำคัญๆต่างของเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ดีขึ้น กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ก็ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยเรามองว่ายูโรปอาจต้องใช้เวลาในการจัดการปัญหาทีเกิดขึ้น

"ระยะสั้นเรามองว่าเศรษฐกิจโลกและประเทศไทยยังไม่น่าห่วงเท่าไร แต่ในระยะกลางและระยะยาวอาจจะต้องจับตาดูปัญหาที่มีอยู่และปัญหาที่ยังมาไม่ถึงว่าจะกระทบมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะของไทยซึ่งอาจจะมีตัวเลขบางตัวที่แบงก์ชาติยังมีความกังวลอยู่"

นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารคสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนในส่วนใหญ่ที่ไหลเข้ามายังภูมิภาคตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะเอเชีย ซึ่งเงินที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดตราสารหนี้เกือบทั้งหมด โดยเรามองว่าในปี 2556 เม็ดเงินดังกล่าวจะสวิงมาอยู่ในตลาดหุ้นทั่วโลกมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชียโดยเฉพาะ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่จะหมุนมาจากตลาดหุ้นจีน เกาหลีใต้ รวมถึงใต้หวัน หรือเอเชียตะวันออก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเงินลงทุนดังกล่าวจะไหลกลับไปยังเอเชียตะวันออกหากสภาพเศรษฐกิจดีขึ้นและความมั่นใจของนักลงทุนกลับมา

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะมีคนพูดถึง QE ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯอัดฉีด ซึ่งหลายคนมองว่าตลาดหุ้นได้ประโยชน์ค่อนข้างมาก แต่ในความเป็นจริงจะพบว่าเงินทุนส่วนใหญ่จะไหลเข้าไปยังตลาดตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่และลาตินอเมริกา เป็นจำนวนมาก โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังประเมินอยู่ว่าทิศทางเศรษฐกิจโลกนั้นอยู่ในจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง หากนักลงทุนมีความมั่นใจเม็ดเงินที่อยู่ในตลาดตราสารหนี้ก็พร้อมที่จะย้ายเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน

"ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นจนกว่าสหรัฐฯ และยุโรป มีการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งสภาพคล่องยังล้นโลกอยู่ อาจจะมีโอกาสได้เห็นดัชนีหุ้นไทยถึง 1,700 จุดได้เช่นกัน ในช่วง 2-3 ปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังเป็นช่วงที่ดี หากเราบริหารประเทศและเศรษฐกิจไปได้ยังยั่งยืน โดยเฉพาะอินฟราสตรักเจอร์ เชื่อว่าหุ้นไทยจะได้รับความสนใจ แต่ประเด็นที่ยังมองว่าเป็นความเสี่ยงคือการลงทุนอินฟราฯจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ สำหรับหุ้นที่น่าสนใจในปีหน้าคือ พลังงาน และธนาคาร"


กำลังโหลดความคิดเห็น