ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในกลุ่ม Emerging Makets ประเมินตลาดเกิดใหม่ยังมีโอกาสเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องแซงประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนจากตลาดหุ้น รวมถึงการเติบโตเศรษฐกิจ ด้าน "ประภาส" มองปี 2556 หุ้นไทยเคลื่อนไหว1,200 - 1,500 จุด และยังมั่นในสิ้นปีเห็นดัชนีแตะ 1,350
Dr.Ulrich Behm, CEO Asia Pacific, Vontobel Asset Management กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Makets นั้นได้รับความสนใจจากนักลงนเป็นจำนวนมากและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามข้อดีของตลาดเกิดใม่นั้นก็คือการภาระหนี้สินไม่สัมพันธ์กับขนาดเศรษฐกิจ แม้จะมีหนี้สิ้นเพิ่มแต่การเติบโตของเศรษฐกิจนั้นมีอยู่สูง ต่างกับตลาดหรือประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีภาระหนี้สูง เศรษฐกิจเติบโตน้อยกว่า ขณะเดียวกันเรื่องของประชากรก็มีส่วนสำคัญเนื่องจากประชากรที่อายุเฉลี่ยเกิน 65 ปีนั้นมีไม่มากทำให้รัฐไม่ต้องแบกภาระในการดูแลผู้สูงอายุแบบประเทศที่พัฒนาแล้ว
ส่วนปัญหาเรื่องเงินเฟ้อนั้นยังเป็นปัญหาที่หลายคนกังวล แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศกำลังพัฒนามีอัตราเงินเฟ้อใกล้เคียงกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยในปี 1995 ประเทศกำลังพัฒนามีอัตราเงินเฟ้อประมาณ 40% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วมีอัตราเงินเฟ้ออยู่เพียง 3% ซึ่งปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ 5% และมีแนวโน้มลดอีกเช่นกัน
"การลงทุนในตลาดเกิดใหม่นั้นอาจจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ การเติบโตทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะไม่สัมพันธ์กับการเติบโตและการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งบางประเทศเศรษฐกิจเติบโตสูงแต่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นน้อยกว่า ขณะที่บางประเทศเศรษฐกิจเติบโตน้อย แต่ผลตอบแทนและการเติบโตในตลาดหุ้นมีสูง อย่างเช่นประเทศจีน และประเทศบราซิล เป็นต้น"
ทางด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยนั้นเรายังมีมุมมองในเชิงบวกและเชื่อว่ายังมีโมเมนตัมที่จะเติบโตต่อเนื่องได้ในปีหน้า ในปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปิดสิ้นปีที่ระดับ 1,350 จุด ได้ และกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในปี2556 จะอยู่ที่ 1,200 - 1,500 จุด แนะนำว่าหากพอร์ตลงทุนแบ่งลงทุนในตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50% ในส่วนของหุ้นนั้นสามารถกระจายการลงทุนมาในตลาดเกิดใหม่ได้ประมาณ 10 - 20% จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ทหุ้นได้เช่นเดียวกัน3
สำหรับกองทุน Vontobel - Emerging Markets Equity Fund ,Class I USD ที่กำลังเปิดขายหน่วยลงทุนนั้น จะให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าดัชนีเทียบวัดส่วนหนึ่งคาดว่าน่าจะมีเหตุผลคล้ายกับจีน คือ ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภคอยู่ไม่มากนักที่จะให้ลงทุนจนมีน้ำหนักมากกว่าดัชนีได้ Vontobel เอง มีเงินลงทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนในหุ้นประมาณ 90 ตัว เฉลี่ยตัวละ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) หุ้นอุปโภคบริโภคในไทยที่จะมีขนาดใหญ่เองก็คงมีให้ลงทุนไม่มากนักเช่นกันถ้ามองในลักษณะนี้ กองทุน KF-EM เป็นการเติมเต็มโพรดักท์ของบริษัทให้มีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้นในโพรดักท์กองทุนที่บริษัทยังไม่มี โดยเร็วๆนี้บลจ.มีแผนที่จะออกกองทุนหุ้นโลกเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน