xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ จีน เปิด “เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม” เน้นร่วมมือ ไม่กีดกันการค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรี เวิน จยาเป่า และนายเคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหาร World Economic Forum (WEF) ขณะเข้าร่วมในพิธีเปิดการประชุมประจำปี “เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม” ที่เทียนจิน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 ก.ย. (ภาพเอเยนซี)
เอเยนซี - นายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่า กล่าวเปิดงาน “เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม” ให้ความมั่นใจว่า ประเทศจีนเดินหน้าสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และจะทำได้ตามเป้าหมายในปีนี้ พร้อมกับเรียกร้องนานาชาติต่อต้านการกีดกันทางการค้า

สื่อต่างประเทศรายงาน (12 ก.ย.) ว่านายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่า กล่าวเปิดงาน “เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม” ซึ่งจัดขึ้นที่เทียนจิน ว่า ประเทศจีนเดินหน้าสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และจะทำได้ตามเป้าหมายในปีนี้ โดยผู้นำจีนยังได้เรียกร้องให้บรรดาผู้นำชาติต่างๆ ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ในการต่อต้านการกีดกันทางการค้าในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวนี้

รายงานข่าวกล่าวว่า คำกล่าวในพิธีเปิดของผู้นำจีนนี้ มีขึ้นในขณะที่สัญญาณที่บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในช่วงชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต ภาคส่งออก หรือแม้กระทั่งภาคอุตสาหกรรมนำเข้า ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลถึงปัจจัยเกื้อหนุนเศรษฐกิจที่แผ่วลงทั้งในด้านปัจจัยภายนอก และการบริโภคภายในประเทศ และผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายก็เริ่มกล้าฟันธงว่า ปีนี้เศรษฐกิจจีนน่าจะไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายกรัฐมนตรี เวิน จยาเป่า กล่าวว่า "เรามีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่ายังมีศักยภาพที่จะบรรลุเป้าหมาย แก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ และจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตและเสถียรภาพเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาด้านต่างๆ ในระดับสูงและมีคุณภาพ"

"การเติบโตเศรษฐกิจยังคงอยู่ในวิสัยที่บรรลุเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ได้ และยังคงมีสัญญาณอีกหลายปัจจัยที่บ่งชี้ว่ายังคงมีเสถียรภาพอยู่"

รายงานข่าวกล่าวว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้ อยู่ที่ร้อยละ 7.5 ขณะที่ในการประชุมนั้น บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้แทนชาติต่างๆ ที่มาร่วมประชุมคงจะได้ติดตามว่าจีนจะสามารถไปถึงเป้าหมายตามที่นายกรัฐมนตรีจีนย้ำความมั่นใจได้อย่างไร ซึ่งนายกฯ เวิน จยาเป่า ได้กล่าวในรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกทำงานร่วมมือกันกอบกู้เศรษฐกิจโลก

"ผมหวังว่าประชาคมโลก จะร่วมมือกันในนโยบายเศรษฐกิจระดับมหภาค และผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ต่อต้านการกีดกันทางการค้า และการลงทุน "

สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนของเศรษฐกิจในรอบหลายปีที่ผ่านมานั้น คือความสำเร็จในภาคการส่งออก และการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจใน 2 ภาคส่วนนี้ กลับลดลง โดยภาคอุตสาหกรรมส่งออกของจีนนั้นลดฮวบลงเพราะปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐฯ และจะยังไม่ฟื้นในระยะอันใกล้นี้

ขณะที่ภาคการลงทุนก็มีผลกระทบจากความวิตกของนักลงทุนทั่วโลกต่อสภาพเศรษฐกิจ จึงทำให้จีนต้องยอมผ่อนปรนนโยบายการเงินและการลงทุน ทั้งในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การยืดหยุ่นกับปริมาณทุนสำรองธนาคารฯ เช่นเดียวกับการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อฯ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พบว่ายอดเงินกู้ใหม้ในเดือนสิงหาคมได้พุ่งสูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.039 แสนล้านหยวน มากกว่าเดือนกรกฎาคมซึ่งอยู่ที่ 5.40 แสนล้านหยวน นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้อนุมัติโครงการยักษ์ มูลค่ากว่า 1.50 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดหวังให้รัฐบาลจีนเร่งทำเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว

จื้อเว่ย จาง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่โนมูระ กล่าวว่า "นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำอยู่แล้ว เพื่อคลายความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง และพอจะคาดหวังในทางที่ดีได้มากขึ้นว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาพรวมของเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น "
กำลังโหลดความคิดเห็น