เอเยนซี - สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผย (10 ก.ย.) ว่า การส่งออกของจีนในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบรายปี อยุ่ที่ 1.7797 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้านั้นลดลงร้อยละ 2.6 โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
สื่อต่างประเทศรายงาน (10 ก.ย.) ว่า ข้อมูลทั้งการส่งออกและนำเข้านี้ น่าจะเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตก็ลดฮวบลง ขนาดที่ธนาคารอเมริกา และยูเอสบี ออกมาฟันธงว่า เศรษฐกิจจีนไตรมาสสามนี้ จะยังชะลอต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่เจ็ดแล้ว
ก่อนหน้านี้ ซุน จุนเว่ย นักเศรษฐศาสตร์จาก เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การส่งออกที่ชะลอตัวจะมีผลกระทบต่อการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม และนี่คงเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะให้รัฐบาลขยับออกมาตรการฯ ซึ่งนโยบายกระตุ้นของรัฐจะช่วยให้เกิดการฟื้นตัวในภาคการลงทุนในประเทศ
รายงานข่าวกล่าวว่า บรรดาบริษัทในจีนซึ่งรวมถึง ไชน่า คอสโคโฮลดิงส์ (1919) ซึ่งเป็นบริษัทกิจการขนส่งรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ในครึ่งปีแรก หายไปถึง 4,870 ล้านหยวน จนผู้บริหารต้อออกมาขอไม่รับเงินเดือนตนกว่ากำไรจะกลับคืนมา
เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ซีซีทีวีรายงานบทสัมภาษณ์นายเฉิน เต้อหมิง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน ซึ่งกล่าวว่า กำลังจะประกาศมาตรการสนับสนุนและสร้างเสถียรภาพการค้าต่างประเทศในไม่ช้านี้ และได้เสริมว่า สถานการณ์การค้าต่างประเทศในไตรมาสที่สี่ จะกระเตื้องขึ้นกว่าไตรมาสสาม
ในปีนี้ จีนได้ยอมให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้ส่งออก และการผ่อนปรนนโยบายการเงินหลายครั้ง โดยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคมที่ผ่านมา อีกทั้งลดปริมาณทุนสำรองธนาคารมาแล้วถึง 3 ครั้ง ระหว่างเดือนพฤศจิการยน ปีที่แล้ว ถึง พฤษภาคมปีนี้ พร้อมกับพยายามดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรอบคอบหลังจากที่เคยทุ่มเงินว่า 4 ล้านล้านหยวน กระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2551 ซึ่งเวลานั้นมีคนตกงานกว่า 20 ล้านคน
ด้านนายกรัฐมนตรี เวิน จยาเป่า ก็ได้ย้ำว่าอย่างไรก็ต้องออกมาตรการเพื่อช่วยให้การค้าระหว่างประเทศมีเสถียรภาพ และต้องเป็นมาตรการที่ชัดเจน ตรงเป้าที่สุด นอกจากนี้ ก็จะเร่งใช้มาตรการลดภาษีฯ มาช่วยด้วย