ส.ว.ฉะ “กิตติรัตน์” ตบหน้าประชาชน อ้างโกหกสีขาว ระบุต่อไปความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะหายไป เรียกร้องนายกฯ ปลดพ้นตำแหน่งรองนายกฯ
ที่รัฐสภา วันนี้ (27 ส.ค.) มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนางพรทิพย์ โล่ห์วีระ รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือ โดย น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี หารือถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าตนได้รับอนุญาตให้โกหกได้ว่า ในส่วนตนขอใช้คำว่า “โกหกคำโต” หรือเป็นการตบหน้าประชาชน เพราะนายกิตติรัตน์มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารบ้านเมือง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่มาโกหกเช่นนี้จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร ดังนั้นจึงฝากไปยังนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว และถ้าหากว่ายังคงให้มีรองนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ดำรงตำแหน่งอยู่ รัฐบาลคงจะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในระดับโลก
ด้าน นายเจตน์ ศิรธนานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า นายกิตติรัตน์เคยประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจว่าจะเติบโตสูงถึงร้อยละ 15 แต่ตนก็ไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะนายกิตติรัตน์เป็นขุมพลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล และมีข้อมูลต่างๆ อยู่มากมาย ที่ผ่านมาเข้าใจว่าในปี 54 ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องอุทกภัยจึงทำให้ตัวเลขไม่เติบโตนัก แต่ในปี 55 อาจจะทำให้ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่ในงานสัมมนาเมื่อวันที่ 23 ส.ค. รองนายกฯ ก็ได้รับสารภาพว่าตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 9 ไม่น่าถึงร้อยละ 15 ลำพังแค่เพียงเท่านี้คงไม่เกิดเรื่องราวเพราะเรื่องเศรษฐศาสตร์สามารถประมาณการณ์ผิดได้ เนื่องจากมีตัวแปรต่างๆ มากมาย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ารองนายกกลับขยายความถึงตัวเลขส่งออกว่ารู้อยู่แล้วว่าไม่ถึงร้อยละ 15 แต่มีเจตนาที่จะไม่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ดั้งนั้นจึงให้ตัวเลขร้อยละ 15
นายเจตน์กล่าวอว่า ต่อไปนี้ความเชื่อมั่นในนักลงทุนจะหาย เพราะนายกิตติรัตน์มีตำแหน่งที่สำคัญมาก อีกทั้งนักลงทุนก็รอฟังว่ารองนายกจะพูดอะไร และนักลงทุนก็จะใช้เป็นข้อมูลในการนำเม็ดเงินมาลงทุน อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์จะโกหกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโกหกขาวหรือดำก็ตาม นายกิตติรัตน์ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเล่น หากยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปต้องระมัดระวังคำพูดให้มาก เพราะคำพูดของท่านจะถูกนำไปตีความ