บัวหลวง Money Tips
โดยบลจ.บัวหลวง
มีเหตุผลหลายประการที่จะเป็นคำตอบว่าทำไม บลจ.บัวหลวง หรือกองทุนบัวหลวง จึงยังคงเชื่อมั่นในธุรกิจ Health Care และ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) ว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนในหุ้น ท่ามกลางวิกฤตยุโรปและสหรัฐที่ฟื้นตัวได้เชื่องช้า
กองทุนบัวหลวงมีมุมมองว่าเมื่อสิ้นปี 2554 มีประชากรทั่วโลกประมาณ 7,000 ล้านคน ซึ่งเป็นคนที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปเกือบ 800 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 11% ของประชากรทั้งโลก นอกจากนี้ ประชากรกลุ่ม Baby Boomers (กลุ่มเด็กจำนวนมากที่เกิดในช่วงที่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ๆ) จำนวน 450 ล้านคนนั้นก็กำลังมีอายุเพิ่มขึ้นใกล้เคียง 60 ปี หรือกำลังจะเข้าโซนผู้ชรา โดยที่สัดส่วนของคนกลุ่มนี้จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ ในขณะที่สัดส่วนคนเกิดใหม่ในปัจจุบันก็ลดน้อยลงไปมากจากสังคมใหม่ที่คนไม่นิยมการสมรส ไม่นิยมการมีลูกมาก หรือไม่นิยมการมีลูก
สิ่งเหล่านี้ ทำให้โลกกำลังแก่ลง และจะกลายเป็นโลกของผู้ชราไปในที่สุด ซึ่งผู้ชราก็ย่อมต้องพึ่งพาการดูแลรักษาสุขภาพมากกว่าคนในวัยอื่นๆ Trend ดังกล่าวจึงเป็นตัวผลักดันให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการในกลุ่ม Health Care มากขึ้นเรื่อยๆ
ในอีกด้านหนึ่ง แนวโน้มที่แต่ละประเทศกลายเป็นสังคมที่มีผู้ชราภาพในสัดส่วนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ นั้น จะยิ่งทำให้รัฐบาลในแต่ละประเทศต้องกำหนดนโยบายบริหารประเทศผ่านงบประมาณและทรัพยากรต่างๆ ไปเพื่อประโยชน์แก่กลุ่มผู้ชรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะจำเป็นต้องเอาใจเจ้า ของคะแนนเสียงเลือกตั้งจำนวนมากที่ป็นคนชรา หรือจะด้วยเหตุอื่นใดก็ตาม นั่นก็ล้วนแต่จะยิ่งมีผลดีต่อ Health Care Sector
ในท่ามกลางวิกฤตยุโรปและปัญหาในสหรัฐอเมริกา ที่ยังมองไม่เห็นทางเยียวยาให้กลับเป็นปกติได้รวดเร็ว หรือหากจะฟื้นได้ก็ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้านั้น จริงอยู่ที่ผู้คนจะจนลงการจับจ่ายใช้สอยจะฝืดเคือง ยอดขายสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยจึงอาจจะกระทบ แต่ยาก็เป็น 1 ในปัจจัย 4 และเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการมีชีวิตรอด ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีปัญหาหนี้ภาครัฐมหาศาลและยังมองไม่เห็นทางรอดไปได้ในระยะยาว แต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามา กับสภาคองเกรส ก็ยังผ่านกฏหมายเกี่ยวกับการประกันสุขภาพไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ จึงมีผลดีแก่อุตสาหกรรม Health Care เป็นอย่างมาก เพราะยิ่งทำให้นโยบายประกันสุขภาพครอบคลุมจำนวนผู้มีประกันสุขภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ ก็ไม่น่าจะส่งผลลบต่ออุตสาหกรรม Health Care ไม่ว่าจะได้ประธานาธิบดีจากพรรคใด เพราะแม้ว่าพักหลังมานี้ ผู้สมัครเป็นรองประธานาธิบดีของพรรค Republican คือ Paul Ryan จะเผยแพร่นโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการสุขภาพที่ดูเหมือนจะทำให้คนแก่ต้องจ่ายเงินดูแลตนเองมากกว่าพึ่งรัฐ แต่คนก็คาดกัน ว่า Republican คงมีการปรับปรุงนโยบายนี้ มิฉะนั้นจะมีผลต่อฐานเสียงไม่น้อย
เมื่อมองในด้านการลงทุน ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง และมีแนวโน้มว่าในปีต่อไปจะยากลำบากยิ่งกว่าปีนี้ การเลือกลงทุนในหุ้นที่ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก หรือที่เรียกว่า Non-cyclical Stocks ก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลสำหรับนักลงทุนที่ต้องการมีหุ้น แต่ไม่รู้ว่าควรจะลงทุนในหุ้นประเภทใดถึงจะหัวถึงหมอนแล้วนอนหลับสบาย หุ้นกลุ่มธุรกิจ Health Care ก็มีคุณสมบัติดังกล่าว จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจลงทุน
ด้านราคาหุ้น กองทุนบัวหลวงก็มีมุมมองว่าหุ้นในกลุ่ม Health Care จะเป็น “Super Sector” สำหรับทศวรรษนี้ ที่ราคายังไม่แพงเกินไปเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากได้ประโยชน์จากสัดส่วนของกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงจะได้ประโยชน์จากช่วงอายุที่ยืนยาวขึ้น ได้ประโยชน์จากโรคร้ายและโรคแปลกใหม่ที่มีมากขึ้น ได้ประโยชน์จากการที่ในประเทศตลาดเกิดใหม่มีจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มมาจากคนชั้นล่างซึ่งมีรายได้เพิ่มมากขึ้น คนกลุ่มหลังนี้ก็จะมีเงินดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัวได้มากขึ้น
ดูจากศักยภาพของอุตสาหกรรมบนปัจจัยพื้นฐานดังกล่าวโดยรวมๆ จึงตอบได้ว่าราคาหุ้น Health Care ทั่วโลก ยังไม่แพงไป