โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• George Soros เคยเตือนเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมานี้ว่า รัฐบาลยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีและธนาคารกลางเยอรมนีเหลือเวลาเพียงสิ้นเดือนกันยายนนี้ที่จะทำสิ่งผิดให้เป็นถูก ด้วยการแสดงตนเป็นผู้นำพายุโรปให้รอด
• Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีจะสนับสนุนให้กรีซแก้ปัญหาวิกฤตนี้สิน โดยกรีซต้องการเวลาเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแต่ประการใด ซึ่งกรีซจะต้อง
1. ทำตามแผนปฏิรูปให้ได้ผล
2. ลดยอดขาดดุลการคลังและเพิ่มความเชื่อมั่นภายในประเทศ
3. ทำตามพันธสัญญาเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้โตขึ้นในเร็ววัน
• สื่อในเยอรมนี Der Spiegel รายงานว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Angela Merkel ต้องการสนธิสัญญาของสหภาพยุโรปที่จะทำให้นานาชาติสมาชิก 27 ประเทศในยูโรรวมตัวกันในทางการเมือง โดยคาดว่าจะเริ่มภารกิจในการประชุมซัมมิตเดือน ธ.ค. นี้
• ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต้องการให้กรีซอยู่ในยูโรโซนต่อไป โดยแนะนำว่าเพื่อให้สหภาพยุโรปผ่านพ้นภาวะวิกฤต ขอให้รัฐบาลกรีซแสดงให้เห็นว่านโยบายของกรีซและความเด็ดเดี่ยวของผู้นำเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้
• นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวว่า อิตาลีจะให้ความสำคัญในการจัดทำงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเน้นการลดยอดหนี้ กับจะขายสินทรัพย์ในเดือนต่อไป และจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นศักยภาพในการแข่งขัน ลดต้นทุนด้านพลังงาน กับส่งเสริมการก่อตั้งบริษัทใหม่ เพื่อนำอิตาลีออกจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า 4 ปีแล้ว
• หลังจากเป็นสมาชิกของ WTO เต็มตัว รัสเซียต้องการเพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยูเครน รวมถึงจะเพิ่มความร่วมมือด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น นิวเคลียร์ อวกาศ อู่ต่อเรือ การบิน และการผลิตเครื่องยนต์ เนื่องจากรัสเซียเป็นตลาดสำคัญของสินค้าจากยูเครน และยูเครนก็เป็นสมาชิกของ WTO มายาวนานแล้ว
• ดัชนีราคาบ้านของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสแรก เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับจากสิ้นปี 2548 โดยบริเวณเทือกเขาปรับตัวมากที่สุดที่ 4.2% ส่วนในเขตนิวอิงแลนด์ยังเติบโตอย่างอ่อนแอและทรงตัวตลอดไตรมาส
• ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ เดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 4.2% ทำสถิติสูงสุดนับจากเดือน ธ.ค.ปีก่อน โดยมียอดสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่รวมสินค้าในธุรกิจโทรคมนาคมแล้วดัชนีกลับลดลง 0.4%
ทั้งนี้ ความผันผวนของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวในภาคการผลิต จึงเป็นไปได้ที่ FED อาจใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
• AP รายงานว่า มีคนอเมริกันเพียง 56% ที่ถูกให้ออกจากงานตั้งแต่เดือน ม.ค. 2009 ถึง ธ.ค. 2011 ที่หางานทำได้ในต้นปีนี้ โดยเกินครึ่งหนึ่งที่หางานทำได้นั้นได้ค่าจ้างที่ลดลงจากเดิม ซึ่งมีถึง 1 ใน 3 ที่ค่าจ้างลดลงไปไม่ต่ำกว่า 20%
• Ethan Harris นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของอเมริกาเหนือ ซึ่งทำงานที่ Bank of America เตือนว่า ...
“อเมริกากำลังอยู่ในใจกลางพายุ ปัญหาต่างๆ กำลังจะทยอยกันออกมา”
สอดคล้องกับ Arjun Mehra และ Cheryl Rowan นักกลยุทธ์ของ BoA ที่เขียนหนังสือถึงผู้ลงทุนเรื่อง “รหัสแดง” ว่า ...
“หุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสขึ้นได้จำกัดและเสี่ยงสูงมากที่จะโดนถล่มขาย และที่หุ้นขึ้นก็เนื่องมาจากความคาดหวังใน QE3 โดยไม่ได้ขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง และนอกเหนือจากยุโรปที่มี Recession แล้ว ประเทศในตลาดเกิดใหม่ (EM) ก็กำลังเริ่มมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และยังมีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงโอกาสที่สหรัฐฯ จะโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือ กับการที่นักวิเคราะห์จะปรับลดตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจลงอีกด้วย”
• เมื่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ใน Canada เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ตลาดขนาดใหญ่สำหรับการให้กู้เพื่อซื้อบ้านแก่คนที่มีความเสี่ยงในการผ่อนชำระคืน (Subprime Mortgage) จึงเกิดขึ้นมาทดแทนและมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกที ทำให้รัฐบาลต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้ Canada เดินตามรอยสหรัฐอเมริกาเมื่อ 4 ปีก่อนที่มี Subprime Crisis จนทำให้โลกก้าวเข้าไปสู่ Recession ในปี 2008
ทั้งนี้ ขณะนี้ราคาที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้นจากปี 2000 ถึง 100% และบ้านระดับกลางๆ มีราคาเฉลี่ย 348,000 ดอลลาร์/หลัง ซึ่งสูงเกือบเป็น 2 เท่าของราคาบ้านประเภทเดียวกันในสหรัฐฯ แล้ว
• วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคเอเชียลดลง และหลายประเทศมีการขยายตัวในการใช้จับจ่ายใช้สอยลดลงมาอย่างชัดเจน โดย ไนเจล ชอล์ค ผอ.ฝ่ายวิจัยตลาดเกิดใหม่ (Barclays Capital Singapore) ระบุว่า ....
“การที่ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่ายังไม่ใช่เรื่องใหญ่นั้น แสดงให้เห็นถึงขาลงครั้งใหม่ของเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาได้ประโยชน์จากตลาดจ้างงานที่แข็งแกร่งและการปรับขึ้นค่าจ้าง ดังนั้น แม้การส่งออกจะชะลอแต่อัตราว่างงานในประเทศที่พึ่งพาการค้าเป็นหลักอย่าง สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ก็ยังทรงตัวใกล้กับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ได้”
ทั้งนี้ เทอร์รี โอ คอนเนอร์ CEO คอร์ทส์ เอเชีย กล่าวว่า "ยังไม่เห็นผลกระทบรุนแรงในวงกว้าง แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่ากำลังเฟื่องฟูอยู่ แค่ยังไม่มีวิกฤติการจ้างงานเท่านั้น"
• เหวิน เจีย เปา เรียกร้องให้จีนดำเนินการตามเป้าหมายการส่งออก เพื่อให้จีนเกิดความพยายามในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วงสำคัญในการรับรู้การขยายตัวของการส่งออก และควรดำเนินการตามเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านการเติบโต โดยปีนี้จีนกำหนดเป้าหมายส่งออกที่ 10% แต่มูลค่าการส่งออกเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
• สื่อท้องถิ่นของจีน แนะนำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจในขาลง โดยควรจะเตรียมแผนรับมือในระยะสั้น และจัดทำแผนระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังต้องกับเผชิญปัจจัยความไม่แน่นอนหลายอย่างที่กำลังรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก
• รัฐบาลญี่ปุ่นลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเดือน ส.ค. เนื่องจากตัวเลขการส่งออกและการผลิต ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวเพียงปานกลาง
• อัตราครอบครองรถยนต์คันเล็กของญี่ปุ่นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 51 คัน/100 ครอบครัว (1 ใน 2 ครอบครัวญี่ปุ่นเป็นเจ้าของรถยนต์คันเล็ก เนื่องจากประหยัดน้ำมันและราคาต่ำ รวมถึงการที่รัฐบาลใช้นโยบายการให้เงินอุดหนุนซื้อรถยนต์ขนาดประหยัด)
• พม่ากำลังวางแผนปฎิรูป IT และการสื่อสาร เนื่องจากยังล้าหลังกว่าเพื่อนบ้าน โดยจะเริ่มที่ย่างกุ้งให้เชื่อมต่อกับจีน อินเดีย ไทย และเวียดนาม ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรม ICT พัฒนาได้เร็ว
• ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลเรื่องความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 7,047 คน พบว่า ผลงานยอดเยี่ยมคือการแก้ ปัญหายาเสพติด การขึ้นเงินเดือน และการดูแลคนในสังคม ขณะที่ผลงานยอดแย่ คือ การแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง การแก้ปัญหาน้ำท่วม และการแก้ปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,237.19 จุด ลดลง 0.45 จุด หรือ -0.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,728.77 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวนและเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศลดดลงจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ในช่วง 0.0% ถึง 0.02% โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,695 ล้านบาท
Guru Corner
• Jim Roger “ผมไม่ยอมเสียเวลาไปถกเถียงกับคนโง่ๆ ที่บอกให้ผมทิ้งทองคำหรอก เพราะมีคนโง่ที่พูดอย่างนี้มานานนับพันปีแล้ว”