xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News by บลจ.บัวหลวง วันที่ 14 สิงหาคม 2555

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง

• ECB มีความมุ่งมั่นที่จะลดต้นทุนการกู้ยืมที่สูงเกินไปของสเปนและอิตาลี และพร้อมเข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรอย่างจริงจังเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ระยะสั้น ขณะที่รัฐบาลประเทศสมาชิกจำเป็นต้องผลักดันการปฏิรูปประเทศต่อไปเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณและทำให้เศรษฐกิจประเทศของตนมีประสิทธิภาพทางการแข่งขัน

• GDP ไตรมาส 2 ปี 2555 ของกรีซขยายตัวลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ซึ่งเป็นการติดลบ 9 ไตรมาสติดต่อกัน หลังจากที่ติดลบ 6.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของกรีซต้องอยู่ในภาวะถดถอยเป็นปีที่ 5

• อิตาลีสามารถขายตั๋วเงินคลังอายุ 364 วันได้จำนวน 8 พันล้านยูโร ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ระดับ 2.767% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งล่าสุดที่ 2.697% เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า โครงการของ ECB ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหานั้นอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินของยูโรโซนได้ ในขณะที่ ธ.กลางอิตาลีรายงานว่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. หนี้สาธารณะของอิตาลีอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.973 ล้านล้านยูโร

• ยอดขายบ้านในสเปนเดือนมิถุนายนลดลง 11.4% มาอยู่ที่ 25,405 ยูนิต หลังเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย และรัฐบาลจำเป็นต้องลดงบประมาณรายจ่ายลง โดยยอดขายบ้านในเดือนดังกล่าวแยกเป็นยอดขายบ้านใหม่ลดลง 12.3% และยอดขายบ้านมือสองลดลง 10.6%

• เศรษฐกิจของเยอรมนีอาจขยายตัวปานกลางในไตรมาส 2 แต่ก็เผชิญกับ “ความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตยูโรโซน” แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาสแรก แต่แรงหนุนก็ได้แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากสภาวะชะลอตัวทั่วโลก

• ฝรั่งเศสสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 5.67 หมื่นล้านยูโร ณ สิ้นเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ระดับ 6.13 หมื่นล้านยูโร เนื่องจากได้แรงหนุนจากรายได้ด้านการคลังที่เพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลวางแผนจัดเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่และครัวเรือนที่มั่งคั่งให้ได้อีก 7 พันล้านยูโรในปีนี้เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณให้เหลือเพียง 4.5% ของ GDP

• ราคาบ้านเดี่ยวในสหรัฐฯ ขนาดหนึ่งครอบครัวในไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 7.3% มาอยู่ที่ 181,500 ดอลลาร์/หลัง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่ไตรมาสแรกปี 2006 สะท้อนถึงเสถียรภาพที่มากขึ้นของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานบ้านมีจำกัด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยจำนองอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

• ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง โดยมูลค่าการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมลดลงอย่างมาก ทำให้สหรัฐฯ อาจทบทวนตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำไตรมาส 2 ขึ้นสู่ระดับ 2.2% จากเดิมที่ 1.5% ในการประเมินรอบแรก

• OPEC อาจปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปีหน้าลง 20% จากเดิมที่คาดว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นเป็น 810,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากความเสี่ยงในช่วงขาลงมีความเป็นไปได้มากขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% ในปีหน้า ชะลอตัวลงจาก 3.3% ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ จีน และยูโรโซน

• บาร์เคลย์ส อินเวสต์เมนต์ แบงก์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 8.1% หลังอุปสงค์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยเห็นว่าจีนควรจะใช้มาตรการเพิ่มเติมในไตรมาส 3 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะสามารถเติบโตได้ในอัตรา 8% ในปี 2555

• จีนปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลหน้าโรงกลั่นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการเพิ่มขึ้น 4.3% มาอยู่ที่ 9,490 หยวนต่อตัน หรือ 4.27 ดอลลาร์

• จีนเตรียมปรับนโยบายการเงินมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อหนุนเศรษฐกิจและจัดการกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ของจีนเดือน ก.ค. อยู่ที่ 5.4 แสนล้านหยวน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 6.9 แสนล้านหยวน ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 3 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว

• แบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชันส์คาดว่ายอดเกินดุลการค้าของจีนจะยังคงปรับตัวลดลงในเดือน ส.ค. เนื่องจากมีแนวโน้มว่าการส่งออกจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีมุมมองในเชิงลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขาดแรงกระตุ้น เศรษฐกิจยุโรปกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจขยายตัวช้าลงเนื่องจากโครงการก่อสร้างเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังแผ่นดินไหวเริ่มอ่อนแรงลง

• จีนเตรียมออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นอายุ 5 ปี มูลค่า 2.2 หมื่นล้านหยวน เพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านการระดมทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

• ฮ่องกงปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP ปีนี้ลงจาก 1-3% เหลือ 1-2% หลัง GDP ไตรมาส 2 ปีนี้ขยายตัว 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ติดลบ 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หลังภาคส่งออกได้รับผลกระทบจากความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง

• GDP ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นขยายตัว1.4% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% เนื่องจากการส่งออกได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สินในยูโรโซน และเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2554 ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากการก่อสร้างของภาครัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อฟื้นฟูประเทศภายหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติก็ตาม

• ญี่ปุ่นเห็นชอบร่างกฎหมายขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตรา 5% เป็น 10% เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ และเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้นายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ ประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพื่อพิสูจน์ว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหรือไม่หลังการผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้สำเร็จ

• เวียดนามอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อขึ้นเป็น 27% จากเพดานที่ 17% เพื่อส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อ และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังธนาคารคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อเนื่องจากวิตกปัญหาหนี้เสีย ขณะที่ภาคธุรกิจไม่ต้องการขอสินเชื่อเนื่องจากมีสต๊อกสินค้าจำนวนมาก และเผชิญความยากลำบากในการชำระเงินกู้ปัจจุบัน

• GDP สิงคโปร์ไตรมาส 2 ปี 2012 ทบทวนใหม่ติดลบลดลงเหลือ 0.7% จากเดิมติดลบ 1.1% หลังการผลิตในอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์เพิ่มขึ้นช่วยชดเชยการผลิตที่ลดลงในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ได้ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงจากที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% เป็น 1.5% จากความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

• สตีเฟนสันคลาร์กชิปปิ้ง บริษัทเดินเรือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในโลกเกือบ 400 ปี เตรียมปิดกิจการในเร็วๆ นี้ หลังธุรกิจเดินเรือขนส่งสินค้าซบเซา โดยดัชนีบอลติกไดรอินเด็กซ์ได้ปรับลดลงมาแล้ว 55% ในปีนี้ และเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 4

Equity Market

• SET Index วันศุกร์ปิดที่ 1,219.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.67 จุด หรือ 0.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25,618 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,328 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวแคบๆ เหมือนตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่มีสัญญาณที่ดีจากการปิดบวก โดยมีแรงซื้อหนุนตลาดในกลุ่มพลังงาน จากความคาดหวังของนักลงทุนเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

• ผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF) เตรียมนำเรื่องการเพิ่มทุน ธ.กรุงไทยเสนอให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณา พร้อมยืนยันว่ากองทุนฯ มีเงินทุนเพียงพอหากจะใช้สิทธิเพิ่มทุน ทั้งนี้ คณะกรรมการ ธ.กรุงไทยอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 7.2 หมื่นล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่ 2.8 พันล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 5.15 บาท โดยจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาขายหุ้นละ 12.60 บาท

Fixed Income Market

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในกรอบระหว่าง -0.02% ถึง +0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน มูลค่า 65,000 ล้านบาท

• จีนกำหนดค่ากลางเงินหยวนที่ระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ 6.3447 ซึ่งเป็นค่ากลางต่ำที่สุดเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2011 หลังจีนผิดหวังต่อข้อมูลการค้าที่ต่ำกว่าคาดอย่างมาก โดยการส่งออกในเดือน ก.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 1% จากปีก่อน ลดลงหลังจากขยายตัว 11% ในเดือน มิ.ย. ขณะที่การส่งออกไปยังยุโรปหดตัวลงมากกว่า 16% ในเดือน ก.ค. และการขยายตัวของการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทรงตัว

• ก.คลังอินโดนีเซียวางแผนขายพันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น