โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีของสเปนจะหดตัว 1.7% ในปีนี้ ก่อนที่จะหดตัวน้อยลงเหลือติดลบ 1.2% ในปี 56 เป็นผลมาจากมาตรการของรัฐบาลสเปนซึ่งได้แก่ การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) การลดสวัสดิการว่างงาน และการแปรรูปกิจการของรัฐเป็นเอกชน เพื่อประหยัดงบประมาณให้ได้ตามที่สหภาพยุโรปกำหนด และเศรษฐกิจสเปนยังคงมีแนวโน้มที่จะเผชิญสถานการณ์ยากลำบากและอยู่ในภาวะเปราะบางต่อความเสี่ยงต่างๆ
• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของภาคการผลิตอิตาลีหดตัวลงสู่ระดับ 87.1 จุดในเดือน ก.ค. จาก 88.7 จุดในเดือน มิ.ย. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงคือ แนวโน้มที่ย่ำแย่ของยอดสั่งซื้อในภาคสินค้าการลงทุน และสินค้าผู้บริโภค ซึ่งทำให้การผลิตสินค้าซบเซาลงเช่นกัน
• อิตาลีสามารถขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 8.5 พันล้านยูโร โดยมีต้นทุนการกู้ยืมที่ 2.454% ลดลงเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทน 2.957% ในการประมูลเดือนที่แล้ว โดยต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงเป็นผลจากที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้กล่าวว่า อีซีบีจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อปกป้องสกุลเงินยูโรภายในขอบเขตอำนาจของธนาคาร ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า อีซีบีอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรเพื่อฉุดต้นทุนการกู้ยืมในสเปน และอิตาลีให้ปรับตัวลดลง
• ตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2/55 ขยายตัวที่ระดับ 1.5% ต่อปี ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ 1.9% แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ 1.4% โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตลดลงเหลือ 1.5% ในไตรมาส 2 เทียบกับที่ขยายตัว 2.4% ในไตรมาสแรก เป็นผลจากสินค้าที่มีอายุการใช้งานนาน เช่น กลุ่มยานยนต์ และคอมพิวเตอร์ มียอดขายลดน้อยลง ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีสหรัฐฯ ในปีนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.9-2.4% เทียบกับที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน เม.ย.ที่ 2.4-2.9% แต่คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะยืนระดับอยู่ที่ 8-8.2% ในปี 55 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน เม.ย.ที่ระดับ 7.8-8%
• สำนักงานของประธานาธิบดีโอบามาคาดว่า สหรัฐฯ อาจมียอดขาดดุลงบประมาณ 1.21 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขประมาณการ 1.33 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกัน คาดว่าเศรษฐกิจอาจขยายตัวที่ 2.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์หลายราย ทั้งนี้ การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีโอบามาได้ให้ความสำคัญอันดับแรกต่อการสร้างงาน ภาษี และยอดขาดดุลงบประมาณ
• แบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชัน และอินดัสเตรียล แบงก์ ของจีนได้คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนกรกฎาคมจะอยู่ที่ระดับ 1.7% ลดลงจาก 2.2% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจเป็นโอกาสที่รัฐบาลจีนจะใช้นโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะปรับลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีกครั้งในเดือนสิงหาคม
• เกาหลีใต้มีแผนประกาศใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงใหม่ในเดือนหน้าแทนอัตราดอกเบี้ยบัตรเงินฝากซึ่งกำลังถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ หลังได้รับการร้องเรียนว่า หลายธนาคารได้มีการปั่นอัตราดอกเบี้ยบัตรเงินฝากซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงของภาคธนาคาร ซึ่งอาจทำให้ผู้กู้ยืมเงินได้รับความเสียหายกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกำลังมีการพิจารณาให้ใช้ดัชนีต้นทุนของเงินทุนอายุ 3 เดือนแทน ทั้งนี้ ในประเทศเกาหลีใต้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของภาคครัวเรือนจะเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยของบัตรเงินฝาก
• บริษัทบัตรเครดิตนานาชาติจำนวน 3 ราย ได้แก่ VISA CUP (China Union Pay) และ JCB (Japan Credit Bureau) เตรียมเปิดให้บริการในพม่าในปี 56 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพม่า โดยพม่ามีแผนที่จะใช้ระบบการชำระเงินร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนในปี 56 ที่พม่าจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาซีเกมส์ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ 11 แห่งของพม่าได้เริ่มเปิดให้บริการบัญชีเงินฝากเป็นสกุลเงินต่างประเทศในสกุลดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และดอลลาร์สิงคโปร์
• สศอ.เปิดเผยดัชนีอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 182.39 จุด ชะลอลงตัวเลขของเดือน พ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 187.99 จุด และติดลบ 9.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งภาวะอุตสาหกรรมในเดือน ก.ค. นั้นมีแนวโน้มชะลอตัวลงโดยเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งนี้ สศอ.คาดการณ์การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมปี 2555 ว่า จีดีพีของภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 4.5-5.5% และดัชนี MPI จะขยายตัว 6-7%
• ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่าการส่งออกในครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงหลักจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป โดยเฉพาะในไตรมาส 3 เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การที่กรีซจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยกลุ่มเจ้าหนี้ Troika (ECB IMF และ European Commission) เพื่อที่จะได้รับเงินช่วยเหลือครั้งต่อไปในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ ตัวเลขการส่งออกไทยในเดือน มิ.ย.ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรปที่หดตัวถึง 17.4% และญี่ปุ่นหดตัว 2.2%
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,178.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.09 จุด หรือ 0.43% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26,660 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 759 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากการแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป ที่ทำให้นักลงทุนคาดว่าจะได้เห็นความคืบหน้าของมาตรการช่วยเหลือปัญหาหนี้สินในยุโรปเพิ่มเติม
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง +0.01% ซึ่งภาพรวมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3