โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือสถาบันการเงินรายใหญ่ 5 แห่งของเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตหนี้ยุโรป โดย...
ไอเอ็นจีกรุ๊ปลดลงมาอยู่ที่ A3
ราโบแบงก์ลดลงมาอยู่ Aa2
เอบีเอ็นแอมโรลดลงมาอยู่ที่ A2
ลีสแพลนลดลงมาอยู่ที่ Baa2
และ เอสเอ็นเอสลดลงมาอยู่ที่ Baa2
นอกจากนี้ยังลดอันดับความน่าเชื่อถือของเคบีซีกรุ๊ป สถาบันการเงินรายใหญ่อันดับ 1 ของเบลเยียมลง 2 อันดับมาอยู่ที่ Baa1 หลังภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้คืนรัฐบาล ซึ่งครบกำหนดชำระในสิ้นปี 2013
• นายกรัฐมนตรี แองเจลา เมอร์เคิล ของเยอรมนี ยืนยันแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปในแนวทางเดิมที่จะเน้นลดการขาดดุลงบประมาณ และย้ำว่า ECB ควรจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ในยุโรปเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในการออกพันธบัตรยูโรร่วมกันหรือการรวมหนี้เข้าด้วยกัน เนื่องจากจะสร้างความเสียหายต่อเยอรมนี
• ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส เรียกร้องว่ายูโรโซนควรใช้กลไกใหม่ในการคุ้มครองประเทศสมาชิกและธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน รวมถึงจัดตั้งกองทุนร่วมกันเพื่อชำระหนี้ และประสานนโยบายเศรษฐกิจเข้าด้วยกันมากยิ่งขึ้น
• อังกฤษเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารเพื่อสร้างสภาพคล่องให้หมุนเวียนในเศรษฐกิจที่ถดถอย โดยจะดำเนินโครงการจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาวให้แก่ธนาคารต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ธนาคารปล่อยกู้ให้แก่ภาคธุรกิจ รวมถึงผู้บริโภค
• รายได้ภาคครัวเรือนของอังกฤษลดลง 7.8% ในระหว่างปี 2550-53 เนื่องจากวิกฤตการเงินโลกนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ซึ่งเกิดจากนโยบายสวัสดิการและการลดหย่อนภาษีในช่วงที่เกิดวิกฤตหมดอายุลง ทั้งนี้ เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยในปี 2553-2554 และ GDP ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมาและในไตรมาสแรกปีนี้
• ธนาคารของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งยุโรป แคนาดา จีน อินเดีย และญี่ปุ่น เตรียมมาตรการฉุกเฉินรองรับกรณีที่กรีซถอนตัวจากยูโรโซน ด้วยการเพิ่มสภาพคล่องและจัดเตรียมเงินสดสำรอง หลังจากสถานการณ์ยังคงไม่แน่นอนว่ากรีซจะยังอยู่ในยูโรโซนต่อไปหรือไม่
• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน มิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน สู่ระดับ 74.1 จุด เนื่องจากตลาดแรงงานมีสัญญาณการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย หลังชะลอตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยการเพิ่มขึ้นของค่าแรงไม่เป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงซบเซา
• ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะก้าวไปในทิศทางใด ระหว่างแนวทางแรก คือ การพัฒนาการศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ กับแนวทางที่สอง คือ เน้นการลดภาษีให้คนรวยและปิดโอกาสของชนชั้นกลางในประเทศ
• ธนาคารจีน 4 แห่ง (ธนาคารดิ อินดัสเตรียลแอนด์คอมเมอร์เชียล แบงก์ออฟไชน่า ธนาคารไชน่า คอนสตรักชันแบงก์ และไชน่าดีเวลอปเมนต์แบงก์) เตรียมปล่อยกู้วงเงิน 6 แสนล้านหยวนแก่ธุรกิจของไต้หวันในจีนช่วง 3-4 ปีข้างหน้า รวมทั้งเปิดโอกาสให้นำเข้าข้าวจากไต้หวันด้วย
• รมว.คลังญี่ปุ่นหารือกับรองนายกรัฐมนตรีจีน ก่อนการประชุมสุดยอด G20 เพื่อหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก วิกฤตหนี้และธนาคารในยุโรป รวมถึงความร่วมมือด้านการเงินระดับสากล เช่น การเริ่มซื้อขายเยนและหยวนโดยตรงเพื่อลดต้นทุนของบริษัทใน 2 ประเทศเมื่อทำการค้าระดับทวิภาคี
• BOJ ประกาศคงวงเงินการซื้อหลักทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ 40 ล้านล้านเยน คงวงเงินให้สถาบันการเงินที่ 30 ล้านล้านเยน คงระดับการซื้อหลักทรัพย์รายเดือนที่ 1.8 ล้านล้านเยน และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0%-0.1% ตามที่นักวิเคราะห์คาด
ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นจากที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นฟื้นตัวในระดับปานกลาง ซึ่งยังต้องติดตามความเสี่ยงจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยน และจากวิกฤตหนี้ยุโรป
• ญี่ปุ่นเสนอให้ความช่วยเหลือพม่าในการปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ทั้งนี้ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้ตัดจ่ายหนี้สิน 3 แสนล้านเยนที่พม่าติดค้างในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้เดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยเต็มตัว นอกจากนี้ ยังจะอนุมัติเงินกู้ครั้งใหม่แทนปัจจุบัน 1.989 แสนล้านเยน เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ
• ดอยช์แบงก์คาดว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงอาจลดลง 20% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า หลังฮ่องกงมีแผนเพิ่มอุปทานที่อยู่อาศัยเพื่อฉุดราคาให้ลดลง โดยราคาบ้านในฮ่องกงปีนี้เพิ่มขึ้นมาแล้ว 8% และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และจำนวนผู้ซื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มขึ้น
• ธนาคารกลางอินโดนีเซียเตรียมอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดปริวรรตเงินตราหากมีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินรูเปียห์ เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดหลักทรัพย์ การกำหนดเงื่อนไขเงินฝากในสกุลดอลลาร์ และการพัฒนาเครื่องมือใหม่สำหรับตลาดปริวรรตเงินตรา
• OPEC เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเพื่อให้อยู่ในกรอบโควตาที่ระดับ 30 ล้านบาร์เรล/วัน หลังอุปทานส่วนเกินมีอยู่สูงทำให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยการที่อิหร่านถูกคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
นอกจากนี้ OPEC ยังชี้ว่าราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
• อองซาน ซูจี ประกาศส่งเสริมการปรองดองภายในประเทศและผลักดันรัฐบาลพม่าให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่เหลืออยู่ทั้งหมด หลังเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2554 ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เพื่อเป็นเกียรติแก่การดิ้นรนโดยไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในพม่า
• กิตติรัตน์ ณ ระนอง เห็นว่ายังไม่ควรลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงมาเหลือ 1 ล้านบาท ตามกำหนดเดิมในเดือน ส.ค.นี้ และควรคงวงเงินคุ้มครองไว้ที่ 50 ล้านบาทต่อไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน ซึ่งอาจสร้างความไม่มั่นใจต่อผู้ฝากเงินได้
• ธปท.ประเมินว่าสถาบันการเงินไทยมีความแข็งแกร่ง รองรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะวิกฤตหนี้ในยุโรปได้ และมีความเชื่อมโยงกับยุโรปในระดับต่ำ ทำให้ผลการทดสอบสมมติฐาน (Stress Test) พบว่ายังสามารถรองรับผลกระทบจากยุโรปได้
• ธปท.คาดการณ์การเติบโตการส่งออกในปีนี้ขยายตัวประมาณ 8% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 2 หลัก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผลกระทบของการชะลอตัวในยุโรปต่อเศรษฐกิจโลกและเอเชีย ซึ่งหลายประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ประเทศไทยก็น่าจะมีทิศทางเดียวกัน
• รมว.คมนาคมระบุว่า กำลังเตรียมเปิดใช้เส้นทางรถไฟไทย-กัมพูชาในปีหน้า พร้อมเร่งเชื่อมเส้นทางคมนาคม 3 ประเทศ (ไทย-เวียดนาม-กัมพูชา) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,165.73 จุด เพิ่มขึ้น 12.72 จุด หรือ +1.1% มูลค่าการซื้อขาย 41,971 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,236.90 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1% ด้วยแรงสนับสนุนจากกลุ่ม G20 ที่ออกมาระบุว่าพร้อมที่จะใช้มาตรการเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของประเทศกรีซ
• สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดว่า SET Index ปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,268 จุด ส่วนปีหน้าจะอยู่ที่ 1,378 จุด หลังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น บจ.เฉลี่ยอยู่ที่ 21.5% และปีหน้าโต 13.9%
โดยปีนี้กลุ่มธุรกิจที่จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงที่สุดสามอันดับแรก คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหาร และกลุ่มสื่อสาร
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงอยู่ในช่วงระหว่าง -0.07% ถึง 0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาล อายุ 6 เดือน วงเงิน 8,500 ล้านบาท
• ธปท.เผยว่าค่าเงินบาทขณะนี้มีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ และหากเทียบกับยูโร พบว่าบาทแข็งค่ากว่าประมาณ 7-8% ซึ่งยังอยู่ในกรอบการบริหารของ ธปท. โดยเฉพาะการดูแลเงินทุนสำรองที่ได้มีการกระจายไปยังสกุลเงินต่างๆ ที่เป็นสกุลเงินหลักของโลก
• ปริมาณซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของต่างชาติเดือน เม.ย.พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ บ่งชี้ถึงความต้องการที่แข็งแกร่ง โดยจีนซึ่งเป็นผู้ถือครองรายใหญ่สุดได้ซื้อเพิ่มขึ้นจาก 1.5 พันล้านดอลลาร์สู่ 1.15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน เม.ย. ขณะที่ญี่ปุ่นประเทศผู้ถือครองอันดับ 2 ลดการซื้อลง 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือ 1.07 ล้านล้านดอลลาร์
Gold Corner
• ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ชี้ว่า ประเด็นการเลือกตั้งในกรีซมีผลกระทบต่อตลาดทองคำเพียงเล็กน้อย เพราะนักลงทุนให้ความสำคัญต่อการประชุมของ Fed ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้มากกว่า หลังจากแผน Operation Twist ใกล้สิ้นสุดลงแต่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ส่งผลให้คาดหวังว่า Fed จะมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
ทั้งนี้ หาก Fed มีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น QE3 จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง แต่ถ้ายังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนหรือไม่มี QE3 จะทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ในช่วง 1,610-1,645 เหรียญ/ออนซ์