โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• 'ทิโมธี เอฟ ไกธ์เนอร์' รมว.คลังสหรัฐฯ เผยว่า ชาติยุโรปมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะทำทุกอย่างเพื่อแก้วิกฤตหนี้ยุโรป แต่กลไกการเมืองในยุโรปคืออุปสรรคสำคัญของการแก้ปัญหา พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสและฝ่ายนิติบัญญัติในสหภาพยุโรปออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ขณะที่ก่อนหน้านี้พรรคร่วมรัฐบาลเยอรมนียังไม่เห็นด้วยกับแผนที่จะให้กองทุนถาวรเพื่อรักษาเสถียรภาพภาคการเงินยุโรปเข้าถึงสภาพคล่องของ ECB ได้โดยตรง ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ECB อาจไม่สามารถแทรกแซงตลาดพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนได้
• นายกรัฐมนตรี มาริโอ มอนติ ของอิตาลี อยู่ระหว่างเดินทางเยือนชาติยุโรปเพื่อหาเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกอียูให้เห็นด้วยกับแผนแทรกแซงตลาดพันธบัตรของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB
• อัตราการว่างงานยูโรโซนเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.2% สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้
• กระแสเงินทุนไหลออกจากสเปนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้กว่า 1.63 แสนล้านยูโร หรือราว 16% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของสเปน และยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสเปนก็พุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมายในเดือน มิ.ย. ส่งผลให้สเปนมีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นที่จะต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลต้องขอความช่วยเหลือราว 1 แสนล้านยูโรจากยุโรปเพื่อนำมาใช้ช่วยเหลือธนาคารแบงเกีย
• ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) และไม่ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) แม้จะมีสัญญาณเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอลงก็ตาม โดยอังกฤษคาดการณ์ GDP ในไตรมาส 2 ปี 2555 อาจหดตัวลง 0.7% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับแต่ไตรมาสแรกปี 2552
• ภาคการผลิตของอังกฤษหดตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปีในเดือน ก.ค. หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ร่วงลงสู่ระดับ 45.4 จากระดับ 48.4 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงการหดตัวลงอีกครั้ง และทำลายความหวังที่ว่าอังกฤษอาจจะฟื้นตัวจากภาวะถดถอยในช่วงฤดูร้อนนี้
• ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% และคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปจนถึงปี 2557 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น ขณะเดียวกันได้ปรับลดมุมมองทางเศรษฐกิจลงจาก "ขยายตัวปานกลาง" เป็น "ค่อนข้างชะลอตัวลง"
• การใช้จ่ายภาคครัวเรือนสหรัฐฯ เดือนมิถุนายนไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า หลังผู้บริโภคชาวอเมริกันหันมาออมเงินมากขึ้น ขณะที่รายได้ภาคครัวเรือนในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 0.5% และอัตราการออมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4% สูงสุดในรอบ 1 ปี ทั้งนี้ ตลาดแรงงานที่ยังไม่แน่นอนทำให้ผู้บริโภคหันมาเก็บออมมากขึ้นแทนการใช้จ่าย ทำให้คาดว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจทรงตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3
• ยอดขายรถใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.9% สู่ระดับ 1,153,682 คัน ในเดือน ก.ค. โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เช่น โตโยต้ามียอดขายเพิ่มขึ้น 26.1% จากปีที่แล้ว ฮอนด้ามียอดขายเพิ่มขึ้น 45.3% เป็นต้น อย่างไรก็ดี เจนเนอรัล มอเตอร์ส ยังครองส่วนแบ่งมากเป็นอันดับ 1 ในตลาดยานยนต์สหรัฐฯ ที่ 17.4% แม้ว่ายอดขายจะลดลง 6.4% ก็ตาม
• ดัชนีการจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจีน หรือ PMI เดือนกรกฎาคมลดลงมาอยู่ที่ 50.1 จุด ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน สะท้อนถึงการชะลอตัวในภาคอุตสาหกรรมจีน ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และอาจมีการใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมด้วย
• จีนออกมาประณามสหรัฐฯ ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันสั่นคลอน หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรธนาคารจีนที่ทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านซึ่งเกี่ยวข้องกับการส่งออกน้ำมัน โดยจีนมีความไม่พอใจอย่างยิ่งและจะคัดค้านการใช้มาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ
• การส่งออกของอินโดนีเซียเดือน มิ.ย.ร่วงลง 16.44% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และดิ่งลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 7.8% ส่วนอัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 4.56% อันเป็นผลจากราคาอาหารที่พุ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้
• ครม.ได้ทบทวนเรื่องความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย โดยยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งแม้ภาคส่งออกยังคงชะลอตัว เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น ภาคการท่องเที่ยวช่วงที่ผ่านมาเติบโตเกิน 10% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การบริโภคภายในประเทศก็เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้โตต่อเนื่องแทนภาคการส่งออก
• ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับโลก โดยขยายเวลาการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้ามาเพื่อขายหรือการขายอัญมณีที่ยังมิได้เจียระไน
• BOI พิจารณาอนุมัติการลงทุนล็อตใหญ่กว่า 10 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะกิจการด้านพลังงานและปิโตรเคมี นำโดย PTT เตรียมลงทุนขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อรวม 3 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 40,000 ล้านบาท
• บริษัท F&N ของสิงคโปร์ กำลังเจรจาต่อรองกับไฮเนเก้น เพื่อให้เสนอราคาที่สูงขึ้นสำหรับการซื้อหุ้นบริษัทเอเชีย แปซิฟิก บริวเวอรีส์ (APB) ผู้ผลิตไทเกอร์เบียร์ หลังไฮเนเก้นขอขยายเวลาอีก 1 สัปดาห์ในการเสนอซื้อหุ้น APB ในวงเงิน 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,201.13 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด หรือ +0.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24,530 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 348 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันพุธแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรปว่าจะออกมาในทิศทางใด นักลงทุนจึงยังชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.04% ถึง +0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 14 วัน วงเงิน 42,000 ล้านบาท