โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• อิตาลีสามารถระดมทุนได้ 7.5 พันล้านยูโร (9.16 พันล้านดอลลาร์) จากการประมูลขายพันธบัตรอายุ 12 เดือน โดยมีต้นทุนการกู้ยืมปรับลดลงอย่างมาก จาก 3.972% ในการประมูลเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. สู่ 2.697% สะท้อนมุมมองเชิงบวกที่ว่าผู้นำยูโรโซนเดินหน้าแก้ไขวิกฤตหนี้
• อัตราการว่างงานของกรีซพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 22.5% ในเดือน เม.ย. จาก 22.0% ในเดือน มี.ค.
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐฯ ลดลง 26,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. มาอยู่ที่ 350,000 ราย อันเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 51 อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตจากเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานว่า สาเหตุที่มีการลดลงอย่างฮวบฮาบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยตามฤดูกาล
• ประธานาธิบดี บารัค โอบามา อนุมัติให้บริษัทอเมริกันไปลงทุนในพม่าได้เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่สหรัฐฯ แซงก์ชันพม่า ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง GE และ Chevron ที่พยายามผลักดันเรื่องนี้มาโดยต่อเนื่อง ทั้งนี้ Jim Rogers ได้เคยพูดเอาไว้นานมาแล้วว่า พม่าคือจุดหมายปลายทางของการลงทุนครั้งใหญ่ในอนาคตของเขา
• ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of America นำโดย Michael Hanson และ Ethan Harris เชื่อว่า FED จะออก QE3 ภายในเดือนกันยายนปีนี้ เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาอ่อนแอ
• ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเชื่อว่าอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 2.2% ในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน เม.ย.ว่าจะขยายตัว 2.3%
• อัตราว่างงานของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 5.2% ในเดือน มิ.ย. จากการจ้างงานที่ลดลง 27,000 ตำแหน่ง ซึ่งข้อมูลที่อ่อนแอเกินคาดดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง และทำให้นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
• ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะขยายตัว 6.5% ในปีนี้ ซึ่งชะลอตัวลงจาก 7.2% ในปีที่แล้ว และลดลงจาก 6.9% ที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือน เม.ย. นอกจากนี้ยังคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.2% และอินเดียขยายตัว 6.5% ในปีนี้ ลดลงจาก 8.5% และ 7% ตามลำดับ
• ยอดสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวนของจีนในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.859 แสนล้านหยวน (ประมาณ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 9.198 แสนล้านหยวน มากกว่าที่คาดไว้ที่ 8.8 แสนล้านหยวน
• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอินเดียพลิกฟื้นกลับมาขยายตัว 2.4% จากปีก่อนในเดือน พ.ค. จากที่หดตัวลงในเดือนก่อนหน้า ด้วยอานิสงส์ที่ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแรง
• IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเป็นแบบรูปตัว V ในปีนี้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในปีที่แล้ว โดยคาดว่าจีดีพีจะเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้ และ 7% ในปีหน้า อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวลดลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.5% ในปีนี้ และ 7.5% ในปีหน้า
• Moody’s ระบุว่า แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารของไทยจะยังมีเสถียรภาพในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นฟูประเทศ และการเพิ่มสต๊อกสินค้า ขณะที่บริษัทต่างๆ กำลังทำให้การผลิตกลับสู่ระดับปกติ และรัฐบาลกำลังผลักดันโครงการต่างๆ หลังเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ยังคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัว 5-10% ต่อปี เมื่อเทียบกับ 15% ในปีที่แล้ว โดยภาคสาธารณูปโภคพื้นฐานและภาคการผลิตจะมีสัดส่วนการขอสินเชื่อใหม่เป็นจำนวนมาก และจากบททดสอบภาวะวิกฤต พบว่าภาคธนาคารของไทยมีความยืดหยุ่นทางการเงินพอที่จะรองรับภาวะถดถอยลงอย่างมากของคุณภาพสินทรัพย์
• ที่ประชุม กบง.เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซล 0.50 บาท/ลิตร จาก 2.00 บาท/ลิตร เป็น 1.50 บาท/ลิตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.เป็นต้นไป เพื่อช่วยรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อภาคขนส่ง ค่าโดยสาร และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยกองทุนน้ำมันจะมีรายรับลดลงจากวันละ 177 ล้านบาท เป็น 148 ล้านบาท
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 1,193.13 จุด ลดลง 15.54 จุด หรือ 1.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21,633 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 47 ล้านบาท
ทั้งนี้ การปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกที่ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงแรงจากความกังวลต่อ GDP ของจีนที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้ รวมถึงรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบที่ 3 ในระยะนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันนี้
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยส่วนใหญ่ทรงตัว ยกเว้นช่วงอายุคงเหลือ 5 ปีที่ปรับลดลง -0.02%
• ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเผื่อเรียกข้ามคืนไว้ที่ 0.00-0.10% ตามคาด และเพิ่มวงเงินซื้อหลักทรัพย์ระยะสั้นตามโครงการซื้อสินทรัพย์อีก 5 ล้านล้านเยน
• ธนาคารกลางเกาหลีใต้สร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี โดยลดลง 0.25% สู่ 3.00% เพื่อเป็นการผ่อนคลายนโยบายตามกระแสทั่วโลก ท่ามกลางสัญญาณภาวะตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้
• ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.75% เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันตามคาด เนื่องจากธนาคารกลางยังสามารถควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของประเทศในปีนี้ และปีหน้า
Oil Corner
• เครดิตสวิสปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในปีนี้ลงสู่ 104 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 125 ดอลลาร์/บาร์เรล ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน ได้ลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงสู่ 91 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 112 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีหน้าอีก 1 ล้านบาร์เรล หรือ 1.1% เป็น 90.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ได้คงคาดการณ์ปริมาณความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ไว้เท่าเดิมที่ 89.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน