บลจ.ทิสโก้ตั้งเป้าปีนี้เอยูเอ็มกลุ่มลูกค้าเงินหนาแตะแสนล้านบาท พร้อมเปิดตัวบริการใหม่อีกเพียบ ทั้งบทวิเคราะห์พิเศษ 2 ฉบับ และการเปิดสาขาอำนวยความสะดวก ขณะเดียวกันแนะลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่ม เชื่อมะกันออก QE3 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบแน่
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าสายงานธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่เปิดตัว TISCO Wealth ไปในปีที่ผ่านมาสำหรับลูกค้าบุคคลที่มีพอร์ตการลงทุนตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) กว่า 9 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้บริษัทตั้งเป้าในปีนี้ว่าจะเพิ่มจำนวนสินทรัพย์ภายใต้การบริการเป็น 1 แสนล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าจาก 3,500 ราย เป็น 4,000 ราย
ดังนั้น ทิสโก้เวลธ์จึงมองเห็นโอกาสนี้เป็นรายแรกของสถาบันการเงินในไทยที่มีบริการแนะนำการลงทุนในต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ วันนี้จึงนำมาสู่บริการของ TISCO Wealth คือ “บริการที่ปรึกษาการลงทุนทั่วโลก” (Global Asset Allocation Advisory) โดยเริ่มจากการนำเสนอบทวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ Global Economic Review ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกรายเดือน ส่วนอีกฉบับได้แก่ Wealth Strategy ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์กลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนรายเดือน
นอกจากนี้ ทิสโก้เวลธ์ยังเตรียมเปิดสาขารูปแบบใหม่ที่เน้นการให้คำแนะนำในการลงทุน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Advisory Branch” สาขาแรกที่ Gateway เอกมัย ในวันที่ 1 ส.ค. นี้ โดยเป็นสาขาที่สามารถให้คำปรึกษาการลงทุนได้ทุกรูปแบบ
แนะลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง
นายกำพล อดิเรกสมบัติ เศรษฐกรอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทิสโก้ กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกขณะนี้ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวขึ้น แต่ยังมีปัญหาในเรื่องของแรงงานซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอยู่ และอาจจะทำให้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้าอาจมีการเติบโตขึ้นเพียง 04% แต่เศรษฐกิจที่แท้จริงนั้นยังไม่น่ากลัวมากนัก
ขณะที่ยุโรป ยังต้องจับตาภาคการเมืองว่าบรรดานักการเมืองของอียูจะจัดการปัญหาอย่างไร แต่ทางทิสโก้มองว่ากรีซไม่น่าจะออกจากยูโรโซนในปีนี้ เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงมากเกินไปและอาจส่งผลกระทบต่อสเปน และอิตาลีได้ โดยรวมแล้วยุโรปยังมีปัญหาอยู่แต่เชื่อว่ายังไม่ถึงกับมีการแยกตัวออกไป
ส่วนเศรษฐกิจไทย มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน มีการเติบโตที่ดี มองว่าในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 6% แต่เป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันอาจจะใช้นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย เพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3% นั้นเป็นระดับที่เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต และมองว่านโยบายดอกเบี้ยยังไม่ใช่ขาลง
ด้านนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวถึงภาวะการลงทุนในช่วงนี้ว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้น การลงทุนในช่วงนี้ควรเพิ่มสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นให้มากขึ้น เนื่องจากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีให้ผลตอบแทนที่ต่ำมาก สะท้อนว่าเงินทุนจะไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นมากขึ้น
“เรามองว่านักลงทุนควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างเช่น หุ้น เพราะความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจในตะวันตกเริ่มคลี่คลายลงไปแม้ยังมีปัญหาอยู่ แต่หากไม่เป็นไปตามคาดการณ์แล้วก็เชื่อว่าสหรัฐฯ น่าจะออก QE3 มากระตุ้นเศรษฐกิจอีกแน่นอน” นางสาววรสินีกล่าว
สำหรับสินทรัพย์ที่แนะนำลงทุนในช่วงนี้คือ หุ้นเอเชีย ทองคำที่มองว่าในปีนี้อาจไปถึงระดับ 1,800 เหรียญได้ รวมทั้งน้ำมัน หากราคาปรับลดลงมาก็อาจเข้าไปลงทุนได้ ส่วนหุ้นยุโรปตอนนี้ไม่แนะนำลงทุน