xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ชี้หุ้นไทยยังแข็งแกร่ง มองเป้าหมายสิ้นปี 1,300 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการกองทุนประเมินหุ้นไทยยังเเข็งแกร่งแม้ปัญหาหนี้ยูโรยังไม่คลี่คลายอย่างชัดเจน มองเป้าดัชนีหุ้นไทยไว้ที่ 1,250-1,300 จุด พร้อมแนะจับตาสหรัฐฯ ปล่อยมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE3 ในเดือนกันยายนนี้

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นได้ตอบรับข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว หลังจากนี้ตลาดหุ้นจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนจนกว่าจะเห็นการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปชัดเจน นอกจากนี้ หากสหรัฐฯ มีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) ออกมาในช่วงเดือนกันยายน 2555 คาดว่าจะเป็นตัวดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้นด้วย จากปัจจุบันก็ยังมีเงินไหลเข้าอยู่แต่ไม่มากนักเพราะรอการแก้ปัญหาที่ชัดเจนในยุโรปก่อนเคลื่อนย้ายเงิน

โดยปัจจุบันตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของการแกว่งตัวในขาขึ้น เนื่องจากผ่านจุดที่ตลาดกลัวมากที่สุดไปแล้ว คือการที่กรีซไม่ได้ออกจากกลุ่มยูโร รวมถึงปัญหาของสเปนและอิตาลี แม้จะไม่มีมาตรการชัด แต่เมื่อผู้นำยุโรปออกมาให้ความเชื่อมั่นก็ทำให้พัฒนาการข่าวดีขึ้น เราจึงมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,236-1,280 จุดได้เห็นแน่ จากเป้าที่มองไว้ก็ยังมีอัปไซด์อีกพอสมควร ดังนั้นแนะให้แบ่งเงินทยอยเข้าลงทุนได้ในช่วงที่ตลาดมีการปรับฐานลงมา

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดที่น่ากลัวที่สุดไปแล้วในช่วงก่อนเลือกตั้งกรีซที่กังวลว่ากรีซจะออกจากกลุ่มยูโรโซน แต่ปัจจุบันความกังวลนี้ก็ลดลงไปแม้ปัญหายังคงมีอยู่แต่พัฒนาการในการแก้ปัญหาก็เป็นไปในเชิงบวก โดยเริ่มมีการแยกภาครัฐกับภาคธนาคารของกลุ่มยูโรออกจากกันเพื่อจะสามารถแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินได้ดียิ่งขึ้น โดยให้ ECB เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลสถาบันการเงินในยุโรปได้เบ็ดเสร็จไม่ต้องไปผ่านรัฐบาลประเทศต่างๆ เช่นที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และในท้ายที่สุดเงินลงทุนต่างชาติก็คงต้องกลับมายังภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทยด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 200 ปี เงินไม่มีทางจะอยู่ตรงนั้นได้นานแน่นอน

ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยเองก็ไม่ได้หายไปไหน จากที่เคยซื้อเข้ามาประมาณ 80,000 ล้านบาท แล้วขายไปประมาณ 20,000 ล้านบาท เงินที่เหลือก็ยังอยู่ และด้วยการแก้ไขปัญหาของยุโรปและสถานการณ์ของสหรัฐฯ ในปัจจุบันก็เชื่อว่าต่างชาติไม่น่าจะขายหุ้นไทยออกมาอย่างรุนแรงจนหมด 60,000 ล้านบาท ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยก็ไม่น่าจะปรับตัวลงแรง ที่แนวรับ 1,100 จุดน่าจะรับอยู่

“ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยเองถือว่าไม่ถูกไม่แพง สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ประมาณ 11-12 เท่า กำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ยังโตเฉลี่ย 20-25% และปีหน้าอีก 15% เป็นตัวที่สนับสนุนภาพของตลาดหุ้นไทยให้ยังดูดีอยู่ และจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นไปสู่ระดับ 1,250-1,300 จุดได้ในปีนี้”

นายสาห์รัช กล่าวเสริมว่า กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจยังเป็นกลุ่มแบงก์ เพราะเป็นกลุ่มหุ้นที่จะสะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมซึ่งมองว่ายังแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะโตได้ในระดับ 6-6% กว่า สัญญาณในภาคการส่งออกก็เริ่มฟื้นตัว การนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มมากขึ้น แม้ไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปที่ชะลอตัวบ้าง แต่การค้าขายในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนและการบริโภคในประเทศน่าจะเป็นแรงสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตตามเป้าหมายได้

ในส่วนของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นั้นเป็นกลุ่มที่อิงภาพของเศรษฐกิจโลก ถ้าเศรษฐกิจโลกยังไม่สู้ดีนักหุ้นกลุ่มนี้ก็อาจจะยังดูไม่น่าสนใจมากนัก โดยปัจจุบันบริษัทยังมองว่าปัจจุบันการเมืองไม่ได้มีน้ำหนักมากนักต่อภาพการลงทุนของตลาดโดยรวม
กำลังโหลดความคิดเห็น