คอลัมน์ Good Morning News วันที่ 22 พฤษภาคม 2555
โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
เศรษฐกิจโลก
• จอร์จ อัสมุสเซน สมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า ยุโรปจำเป็นต้องดำเนินการกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ตามกำหนดในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการ ESM ตามกำหนดยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากกลุ่มผู้คัดค้านในรัฐสภาเยอรมนีขู่ที่จะชะลอการลงมติเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว
• โมฮัมหมัด เอล เอเรียน ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนร่วมของ PIMCO เตือนอีกครั้งว่า การออกจากกลุ่มยูโรโซนของกรีซเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
และเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะก่อให้เกิดความโกลาหลในตลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งสหภาพยุโรปควรวางแผนรับมือเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจเอาไว้
• สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สเปนยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องกู้เงินจากสหภาพยุโรปเพื่อนำมารักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินในประเทศตามที่ฝรั่งเศสเสนอแนะ ถึงแม้ว่าธนาคารแบงเกีย ซึ่งรัฐบาลได้เข้าไปถือหุ้นใหญ่แล้ว จำเป็นต้องเพิ่มทุนถึง 7 พันล้านยูโรก็ตาม
• ยอดสินเชื่อบ้านของอังกฤษเดือนเมษายนลดลงสู่ 1.02 หมื่นล้านปอนด์ จากเดิม 1.26 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนมีนาคม แต่เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกของรัฐบาล
นอกจากนี้ วิกฤตในยูโรโซนยังเป็นปัจจัยที่ถ่วงกิจกรรมด้านที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบ้านในอังกฤษอีกด้วย
• เดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องการความพยายามอย่างต่อเนื่องในการกระตุ้นให้เติบโต ลดการว่างงาน และควบคุมเงินเฟ้อ แต่ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาอันสมควรที่ FED จะดำเนินมาตรการใดๆ และ FED ควรให้ความสำคัญในการปรับปรุงการสื่อสารให้ดีขึ้นเพื่อให้สาธารณชนและตลาดเข้าใจการดำเนินนโยบายเพื่อตอบรับข้อมูลทางเศรษฐกิจของ FED มากขึ้น
• คนที่เชื่อว่าการว่างงานแก้ได้ด้วยการศึกษาสูงๆ จะต้องคิดใหม่ เพราะขณะนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาที่คนว่างงานอายุ 25 ปีขึ้นไปที่จบปริญญามีจำนวนมากกว่าคนว่างงานที่จบไม่เกินไฮสกูล
• สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ (NABE) เปิดเผยผลสำรวจว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 188,000 ตำแหน่งในปีนี้ และ 200,000 ตำแหน่งในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้อัตราว่างงานสามารถอยู่ในระดับต่ำกว่า 8% ในปี 2556
เศรษฐกิจเอเชีย
• มอร์แกน สแตนเลย์ลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ของจีนในปีนี้จากเดิม 9% เหลือ 8.5% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงเกินคาดในช่วง 4 เดือนแรกของปี และการผ่อนคลายนโยบายที่ล่าช้า
นอกจากนี้ยังคาดว่าธนาคารกลางจีนจะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากลง 2 ครั้งในปีนี้ประเภทละ 0.25% อีกด้วย
• เหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องให้ใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อรักษาระดับการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่เศรษฐกิจจีนแสดงสัญญาณการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินที่รอบคอบ รวมถึงส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ สร้างเสถียรภาพด้านอุปสงค์จากภายนอก เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและค่อนข้างรวดเร็ว
• ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดธุรกิจเกาหลีใต้ที่ยื่นล้มละลายในเดือนเมษายนมี 110 บริษัท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทในภาคบริการและก่อสร้าง
นอกจากนี้ การผิดนัดชำระเงินของหุ้นกู้ เช็ค และตั๋วสัญญาใช้เงินบริษัทเอกชน ฯลฯ อยู่ที่ 0.02% ในเดือนเมษายน ยังเพิ่มขึ้น 0.01% จากเดือนมีนาคมอีกด้วย
• ญี่ปุ่น และพม่าเตรียมประชุมหารือเกี่ยวกับการลงทุนของภาคธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศพม่าในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ที่กรุงเนปิดอว์ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและเพิ่มการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากพอใจการปฏิรูปการเมืองของพม่าที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
• กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือนหน้าญี่ปุ่นจะเริ่มรับการยื่นขอวีซ่าประเภทเดินทางเข้า-ออกได้หลายครั้ง (multiple-entry) สำหรับคนไทยที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เพื่อฟื้นฟูจำนวนนักท่องเที่ยวหลังเกิดแผ่นดินไหวในปีก่อน
• สภาพัฒน์รายงานว่า GDP ไทยในไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% เทียบไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยสำคัญจากการฟื้นตัวของการบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการผลิตภาคอุตสาหกรรม และคาดการณ์ว่า GDP ทั้งปีนี้จะขยายตัว 5.5-6.0%
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีว่ายังสามารถรักษาจังหวะการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชน รวมไปถึงการเพิ่มระดับกำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมจนกลับสู่ภาวะปกติ โดย GDP จะขยายตัวอยู่ในกรอบประมาณการที่ 4.5-6.0%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ วิกฤตหนี้ยุโรป โดยเฉพาะความเสี่ยงของกรีซ เพราะหากสถานการณ์เลวร้ายจนเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบยูโรโซนแล้ว (Eurozone Shock) ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการชะลอตัวในภูมิภาคอื่นๆ ด้วย
ซึ่งภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอาจลดลงมาเหลือเพียง 1.8% เท่านั้น
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,135.16 จุด ลดลง 19.28 จุด หรือ -1.67% สวนทิศทางตลาดหุ้นภายในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่มีการปรับขึ้นเล็กน้อย ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25,474.16 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา 2,162.05 ล้านบาท เนื่องจากความวิตกกังวลต่อปัญหาทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และการประชุมจี8 ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ไม่มีมาตรการแก้ไขที่ชัดเจน
• ตลท.เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2555 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 2.1 แสนล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 4/2554 ถึง 197.33% โดยธุรกิจที่มีกำไรรวมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร กับหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีกำไรสุทธิของ 3 หมวดนี้รวมกัน 1.38 แสนล้านบาท คิดเป็น 65.45% ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด
• เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า จะระงับแผนการซื้อคืนหุ้นของธนาคารมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่จะยังคงจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น แม้ว่าธนาคารขาดทุนจากธุรกิจเทรดดิ้งเป็นมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ก็ตาม
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง 0.02 ถึง 0.06% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 30 วัน 90 วัน 180 วัน และ 3.6 ปี มูลค่ารวม 98,000 ล้านบาท
Guru Corner
• Nouruiel Rubini : หากมองกรอบระยะยาว Emerging Market (ประเทศกำลังพัฒนา) จะเป็นที่ที่น่าลงทุน แต่ในระยะสั้น 2-3 เดือนข้างหน้าจะไม่มีประเทศไหนที่ควรลงทุนเลย
ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ (Recession) ในยุโรปกำลังดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จาก ...
1. นโยบายรัดเข็มขัดที่มาซ้ำเติมในระยะสั้น
2. ค่าเงินยูโรแข็งเกินกว่าฐานทางเศรษฐกิจของบางประเทศ ทำให้ประเทศสมาชิกชายขอบขาดความสามารถที่จะแข่งขันในการส่งออก
3. สินเชื่อตึงตัวรุนแรงเนื่องจากธนาคารต่างๆ ในบางประเทศมีฐานทุนไม่พอจะปล่อยสินเชี่อได้ จึงจะต้องถูกลดปริมาณการให้สินเชื่อลง
4. ผลกระทบจากน้ำมันราคาสูง เพราะยุโรปต้องนำเข้าน้ำมันถึง 100%
ยุโรปเกิด Recession ในประเทศชายขอบซึ่งกำลังแย่ลงไปทุกที อังกฤษกำลังเผชิญกับ Double-dip recession ญี่ปุ่นก็ไปไม่ถึงไหน ในขณะที่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) อย่าง Russia, Brazil, India, Turkey, Mexico, South Africa และจีน ก็กำลังชะลอตัวลง ดังนั้น มองโดยรวมแล้วจึงสรุปได้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอการเติบโตลง
• Peter Schiff : ตลาดจะถึงจุดต่ำสุดเมื่อมีการประกาศใช้ QE3
• Jim Cramer : คนจะแห่ถอนเงินฝากกันโกลาหลที่สเปน และอิตาลีในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
