xs
xsm
sm
md
lg

ปั้นกองทุนผสมพ่วงออปชัน บลจ.พลิกเกมเล่นตามจังหวะหุ้นขึ้นลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชัย บุญนำศิริ
บลจ.ปั้นกองทุนรูปแบบใหม่ เอาใจนักลงทุนช่วงดัชนีวิ่งเร็ว 2 บลจ.ตบเท้าส่งกองทุุนผสม หุ้น ตราสารหนี้ และสัญญาออปชัน ชูผลตอบแทนงาม "กรุงศรี" ชูลงทุน 6 เดือน ลุ้นผลตอบแทนสูงสุดถึง 11.40% ด้าน "กรุงไทย" ลงทุนยาว 1 ปี เข้าเงื่อนไข ให้สูงสุด 8.69%

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดเสนอขายกองเปิดกรุงศรีอิควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น 18M1(KFEQCR18M1) อายุกองทุนประมาณ 18 เดือน มีนโยบายลงทุน 95% ในตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) และอีก 5% ลงทุนในสัญญาออปชั่นเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในอัตราสูงสุด ถึง11.40% อ้างอิงจากการปรับตัวของราคาหุ้นบลูชิพประเภท NVDR 4 ตัวได้แก่ SCB-R ,BBL-R , PTT-R และ ADVANC-R ณ วันเริ่มต้นกองทุนกับวันสังเกตการณ์รวม 3 ครั้ง โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนเมื่อครบอายุโครงการทั้งนี้ กองทุนได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเต็มจำนวนในส่วนของการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศทั้งหมด

สำหรับการคำนวนผลตอบแทนกองทุนKFEQCR18M1 จะใช้การเปรียบเทียบราคาปิดของหุ้นอ้างอิงทั้ง 4 ตัว ณ วันเริ่มต้นกองทุนกับวันสังเกตการณ์จำนวน 3 ครั้งในทุกๆ 6 เดือน โดยในแต่ละรอบสังเกตการณ์ หากราคาปิดของหุ้นอ้างอิงทุกตัวสูงกว่าหรือเท่ากับราคาปิด ณ วันเริ่มต้น ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.80% ต่อ 6 เดือน แต่ถ้าราคาปิดของหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ณ วันสังเกตการณ์มีราคาปิดลดลงจากราคาปิดของหุ้นนั้นๆ ในวันเริ่มต้น ผู้ลงทุนก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนในรอบสังเกตการณ์นั้นๆ ดังนั้น ถ้าราคาปิดของหุ้นอ้างอิงทุกตัวสูงกว่าหรือเท่ากับราคาปิด ณ วันเริ่มต้นในทุกรอบสังเกตการณ์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนรวมสูงสุงถึง11.40% เลยทีเดียว ทั้งนี้ กองทุนจะนำผลตอบแทน 3.80% ซึ่งผู้ลงทุนได้รับในแต่ละรอบโดยการสับเปลี่ยนอัตโนมัติเข้ากองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH)

อย่างไรก็ตาม บลจ.กรุงศรี ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในช่วงอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ประมาณ 5-6% ต่อปี นำโดยการลงทุนจากภาครัฐ ในขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะอยู่ที่ประมาณ 10% และคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะแกว่งตัวในช่วง 900-1,200 จุดในปี 2555 ซึ่งหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นอ้างอิงทั้ง 4 ตัวที่เป็นหุ้นบลูชิพของตลาดหุ้นไทย แต่ละหุ้นก็จะมีความโดดเด่นและมีโอกาสเติบโตสูง ไม่ว่าจะเป็น SCB ซึ่งเป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนการเติบโตของ Fee income ที่โดดเด่นที่สุด BBL ซึ่งเป็นธนาคารที่หุ้นมีราคาถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ แต่มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อและผลกำไรที่ไม่ด้อยไปกว่าธนาคารอื่น PTT ซึ่งเป็นบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ADVANC ที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากความต้องการด้านข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มสูงขึ้นและการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อดาวน์โหลดข้อมูลมากขึ้น เราจึงเชื่อมั่นว่ากองทุนดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

สำหรับกองทุน KFEQCR18M1 เป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ที่มีเงินฝากประจำหรือเงินออมที่สามารถลงทุนในกองทุนรวมในระยะเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน รับความเสี่ยงในการลงทุนได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง และต้องการเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร อีกทั้งยังเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองว่าราคาหุ้นที่ใช้อ้างอิงน่าจะเท่าเดิมหรือสูงขึ้นในช่วง 18 เดือนข้างหน้า และไม่ต้องการขาดทุนหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงอีกด้วย โดยจะเสนอขายกองทุนระหว่างวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค. 55

ทางด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม อิควิตี้ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ปี (KTEL 1Y ) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนใน Option ที่อ้างอิงผลตอบแทนของตราสารทุนไทยออกโดยสถาบันการเงินไทย ในสัดส่วน 3-5% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) 25% เงินฝากประจำ Unoin National Bank (UNB ) 20% MTN ของ Banco Itau BBA S.A. (ITAUBBA ) 25% และ เงินฝาก /ตั๋วแลกเงิน / หุ้นกู้สถาบันการเงิน หรือบริษัทเอกชนในประเทศ 25 -27% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดังนี้

หากดัชนี SET 50 Index ณ วันลงทุนอยู่ที่ 1,150 จุด ดัชนีสูงสุด ณ สิ้นวันทำการตลอดอายุโครงการน้อยกว่า 1,380 จุด ดัชนี ณ สิ้นอายุโครงการ1,000 จุด ผลตอบแทนกองทุนที่จะได้รับเมื่อครบอายุจะได้รับเฉพาะเงินต้นคืน ขณะเดียวกันหากดัชนี SET 50 Index ณ วันลงทุนอยู่ที่ 1,150 จุด ดัชนีสูงสุด ณ สิ้นวันทำการตลอดอายุโครงการน้อยกว่า 1,380 จุด ดัชนี ณ สิ้นอายุโครงการ1,250 จุด ผลตอบแทนกองทุนที่จะได้รับเมื่อครบอายุประมาณ 8.69%

อย่างไรก็ตาม หากดัชนี SET 50 Index ณ วันลงทุนอยู่ที่ 1,150 จุด ดัชนีสูงสุด ณ สิ้นวันทำการตลอดอายุโครงการมากกว่า 1,380 จุด ดัชนี ณ สิ้นอายุโครงการ1,400 จุด ผลตอบแทนกองทุนที่จะได้รับเมื่อครบอายุคือ 2.00% นอกจากนี้หากดัชนี SET 50 Index ณ วันลงทุนอยู่ที่ 1,150 จุด ดัชนีสูงสุด ณ สิ้นวันทำการตลอดอายุโครงการมากกว่า 1,380 จุด ดัชนี ณ สิ้นอายุโครงการ 1,000 จุด ผลตอบแทนกองทุนที่จะได้รับเมื่อครบอายุคือ 2.00%

ทั้งนี้ จากความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยและการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทำให้ บลจ. กรุงไทย ประมาณการเป้าหมาย SET Index ในปี 2555 นั้นอยู่ที่ระดับ 1,234 จุด และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.6% โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าของ SET ด้วยวิธี Fair Forward PER 12.5x โดยมีสมมติฐานว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เกิด double dip recession และกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตประมาณ 14%

นอกจากนี้บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX3M3 ) ประเภท Roll Over เสนอขาย 27 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ทั้ง 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี

สำหรับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศในรูปเงินฝาก หรือตราสารการเงินระยะสั้น มีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากการมีความต้องการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ของตลาดเอเชีย และตลาดกำลังพัฒนาอื่นๆ หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากวิกฤตหนี้ในยุโรป และคาดว่า การเจรจาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงิน โดยในส่วนของค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ มีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนมาแกว่งตัวในช่วง 30.40 - 30.80 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมจากการสวอปสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน จึงช่วยชดเชยการปรับลดของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศได้บ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น