xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News by บลจ.บัวหลวง วันที่ 11 พฤษภาคม 2555

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ Good Morning News วันที่ 11 พฤษภาคม 2555
โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง

เศรษฐกิจโลก

• กรีซเตรียมทำประชามติว่าจะยังคงเป็นสมาชิกประเทศในกลุ่มยูโรโซนต่อไปหรือไม่ หลังประชาชนมีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลของกรีซยังคงไม่ประสบความสำเร็จในขณะนี้ จนอาจต้องจัดตั้งการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า

• อัตราว่างงานของกรีซเดือนกุมภาพันธ์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.7% เนื่องจากมาตรการปรับลดงบประมาณที่กำหนดโดยสหภาพยุโรป (EU) และ IMF ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการรับเงินช่วยเหลือ เป็นสาเหตุที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องพากันปิดกิจการและล้มละลาย...

• รัฐบาลสเปนเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแบงเกีย (Bankia) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อภาคธนาคาร โดยกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินสเปนจะแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิที่ถืออยู่ในแบงเกีย 4.5 พันล้านยูโร (5.8 พันล้านดอลลาร์) เป็นหุ้นสามัญ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีสัดส่วนการถือหุ้นในแบงเกียเพิ่มขึ้นเป็น 45%

หลังจากนั้นรัฐบาลจะเพิ่มทุนให้แบงเกียเพื่อให้มีอัตราส่วนกันสำรองทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด

• อัตราการว่างงานสเปนเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 21.7% โดยมีจำนวนผู้ว่างงาน 1.17 ล้านราย สะท้อนถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสเปนมากขึ้น จากปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการว่างงาน 15.2%

• “แองเจลา เมอร์เคิล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ย้ำว่า ยูโรโซนจำเป็นต้องยึดมั่นในมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งเป็นเพียงหนทางเดียวที่ยุโรปจะเอาชนะวิกฤตหนี้ได้ พร้อมปฏิเสธที่จะผ่อนปรนการลดงบประมาณรายจ่ายสำหรับประเทศในยูโรโซน

• ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศยุติมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% เนื่องจากมีความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง มากกว่าจะกังวลเรื่องความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและความเสี่ยงจากการเกิดวิกฤตหนี้ยูโรโซนครั้งใหม่

• การจ้างงานของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนเมษายน ส่งผลให้อัตราว่างงานลดลงสู่ 4.9% ต่ำสุดในรอบ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในปีงบประมาณที่เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่ามาตรการคุมเข้มทางการคลังจะกระทบอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 1% ในปีงบประมาณใหม่ และจะทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียมีโอกาสสูงที่จะลดอัตราดอกเบี้ย

• เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ชี้ว่า ระบบธนาคารของสหรัฐฯ แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม ซึ่งช่วยให้สามารถฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น แต่ยังคงเผชิญความท้าทายเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อและสภาพคล่อง

ทั้งนี้ จากการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ในปีนี้พบว่าธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่งจากทั้งหมด 19 แห่ง ผ่านการทดสอบ

เศรษฐกิจเอเชีย

• กระทรวงคลังจีนประกาศกฎใหม่ในการควบคุมบริษัทตรวจสอบบัญชี 4 แห่งในจีน ได้แก่ ดีลอยท์ ทูช โทมัตสึ ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ เอินส์ท แอนด์ ยัง และ KPMG โดยกำหนดให้ต้องมีชาวจีนเข้ามาบริหารกิจการของบริษัทดังกล่าว และให้ยุติอำนาจควบคุมของหุ้นส่วนต่างชาติด้วย

ทั้งนี้ จะเริ่มต้นปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของบริษัทเป็นรูปแบบทัองถิ่นของจีนในเดือนสิงหาคม ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นส่วนต่างชาติของบริษัททั้ง 4 แห่งลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 20% ภายในปี 2017

• ธนาคารกลางจีน (PBOC) วางแผนโอนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่หน่วยงานแห่งใหม่เพื่อนำไปช่วยเหลือบริษัทของรัฐบาลจีนในการลงทุนต่างประเทศ

ทั้งนี้ จีนครอบครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศราว 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดในโลก และพยายามหาทางกระจายทุนสำรองออกไปเพื่อรักษามูลค่าและเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน

• กองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งประเทศจีน (ไชน่าอินเวสต์เมนต์คอร์ป) ได้หยุดซื้อตราสารหนี้รัฐบาลยุโรปแล้ว เนื่องจากกังวลว่าอาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปหลังจากกรีซยังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้และมีความเป็นไปได้ว่ากรีซอาจออกจากยูโรโซน รวมถึงสเปนก็ยังเสี่ยงต่อการขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม กองทุนจะยังคงมองหาแหล่งลงทุนใหม่ในยุโรปต่อไป

• ยอดนำเข้าของจีนเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 144.8 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ทำให้มีความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของจีนไม่ได้ผลเท่าที่ควร และอาจกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ส่วนยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 4.9% มาอยู่ที่ 163.2 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของเงินหยวนที่มีต่อความสามารถในการแข่งขันภาคธุรกิจส่งออกของจีนดูเพิ่มเติม

• ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ออกมาตรการพยุงค่าเงินรูปี โดยกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องขายสกุลเงินต่างประเทศในบัญชีเป็นจำนวนครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ค่าเงินรูปี/ดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะ 52.95 จากระดับปิดก่อนหน้านี้ที่ 53.82/53.83 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

• ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.75% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อยังควบคุมได้ และเศรษฐกิจชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย

• เอเชียเตรียมเผชิญปรากฏการณ์เอลนีโญอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร ผู้ผลิตข้าว และน้ำมันปาล์มชั้นนำของโลก อย่างไรก็ตาม อากาศที่แห้งขึ้นในบางพื้นที่อาจเป็นประโยชน์ต่อพืชผลบางอย่าง อาทิ กาแฟและโกโก้ ซึ่งจะช่วยควบคุมราคาโลก

• คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(FT) 30 สตางค์/หน่วย โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2555 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมยังคงเป็นไปในอัตราเดิม เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพที่สูงในขณะนี้

• ธปท.ระบุว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 4,600 ล้านบาท หรือ 2% ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อทั้งระบบที่มีเกือบ 8 ล้านล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์มีประมาณ 10 ล้านล้านบาท จึงไม่น่ากังวล

ส่วนสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอตัวหลังจากน้ำท่วมรุนแรงในปีที่แล้ว โดยเฉพาะด้านแนวราบ

Equity Market

• SET Index ปิดที่ 1,190.65 จุด ลดลง 16.60 จุด หรือ -1.38% มูลค่าซื้อ 45,175 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิมากถึง 4,888 ล้านบาท

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลกับปัญหาวิกฤตหนี้ในประเทศกรีซ และยุโรป

• บริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ใกล้ประสบผลสำเร็จในการเสนอซื้อกิจการบริษัท Cove Energy หลังจากรัฐบาลโมซัมบิกอนุมัติข้อตกลงซื้อขายกิจการดังกล่าวแล้ว ด้วยวงเงิน 1.8 พันล้านดอลลาร์

• ก.ล.ต.เห็นชอบให้ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้งและจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts : REITs) เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน และพัฒนาโครงสร้างการระดมทุนและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแนวทางที่นิยมใช้ในต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนนี้

Fixed Income Market

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง -0.01 ถึง 0.02%

สำหรับวันนี้จะมีการประมูลพันธบัตร ธปท. อัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 2 ปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท

• ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลไทยที่ “BBB” และ “A-” ตามลำดับ ด้วยแนวโน้มที่มีเสถียรภาพ สะท้อนถึงสถานะการเงินต่างประเทศที่เข้มแข็งและความมีเสถียรภาพทางการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น